โดยรูปการณ์และสถานที่เกิดเหตุ มันก็คงไม่หนีไปจากที่นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะอดีตรองประธานศาลฎีกา ฟันธงเลยว่า
ต้องการทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบันศาล
“ตั้งแต่รับราชการมายังไม่เคยเห็นการกระทำลักษณะนี้ และเหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะทำให้สังคมตื่นตัว และตระหนักว่าเหตุการณ์บ้านเมืองขณะนี้ไม่ปกติ”
เกมยื้ออำนาจ วิกฤติการเมืองป่วนลามถึงตีนโรงตีนศาล
แต่จะเป็นเกมของฝ่ายไหน กับปริศนาล่าสุด ทนายความนักการเมืองใหญ่ที่รับผิดชอบคดีดังระดับประเทศ นำกล่องขนมบรรจุเงินสด 2 ล้านบาทไปฝากเจ้าหน้าที่ศาลฎีกา
มุกตื้นๆแต่แฝงเกมที่แหลมคม
ล่าสุด นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา มีคำสั่งแต่งตั้งองค์คณะ ประกอบด้วยผู้พิพากษาชั้นผู้ใหญ่ขึ้นมาไต่สวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
โทษฐานไม่ใช่แค่หมิ่นศาล แต่มันเป็นเกมทำลายเกียรติภูมิของสถาบันตุลาการ
เขย่าบัลลังก์ ทุบตาชั่งกันเลย
เบื้องต้นกับคำถามที่ว่า ใครเป็นผู้นำกล่องขนมมามอบให้ และศาลได้เก็บกล่องขนมดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานหรือไม่
คำตอบที่ได้รับจากนายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม แถลงอย่างเป็นทางการว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าเป็นเงินสด
ได้ส่งคืนให้กับผู้นำมามอบให้ไปแล้ว
“ส่วนจะมีการถ่ายรูปหรือจดบันทึกไว้เป็นหลักฐานหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่จะเป็นหน้าที่ขององค์คณะที่ประธานศาลฎีกาตั้งขึ้นเป็นผู้สอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมด เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏแล้วว่า ผู้กระทำการเป็นใคร ชื่ออะไร จะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป”
ยังลอยๆไม่ลงลึกสักเท่าไหร่
และถ้าย้อนไปเทียบกับสินบนคดียุบพรรคไทยรักไทยที่เขย่าวงการศาลก่อนหน้านี้ มันก็มีอะไรที่คล้ายกันในรูปแบบของพัฒนาการข่าวที่ถูกจุดพลุออกมา
ลามเร็วเป็นไฟไหม้ป่า
คนที่เกี่ยวข้องกับคดีหน้าชาไปตามๆกัน
อย่างไรก็ดี ตามรูปการณ์ที่รองเลขาฯสำนักงานศาลยุติธรรมแถลงออกมา คิวนี้มันต้องมีพยานรู้เห็น อย่างน้อยก็เจ้าหน้าที่ที่รับฝากกล่องใส่เงินไว้
ไล่เรียงกันเดี๋ยวก็รู้ตัวทนายที่เอากล่องขนมใส่เงินมาวางที่ศาลฎีกา
แค่คำตอบตรงนั้น สังคมก็พอจะอนุมานได้แล้ว
และแน่นอนในฐานะเป้าแรกที่ทุกสายตาจับจ้อง นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกประจำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตผู้พิพากษา รีบออกตัวทันที
ถือเป็นเรื่องตลกและเป็นไปไม่ได้
พร้อมกับเปิดปมซักค้าน ความจริงต้องถามว่า ทีมทนายดังกล่าวเป็นของใคร แต่เท่าที่ทราบคงไม่มีใครนำเงินมากถึง 2 ล้านบาทไปให้ระดับเจ้าหน้าที่ของศาล
ซึ่งไม่มีความสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงรูปคดีได้
ส่วนที่มองว่า อาจเป็นการดิสเครดิตการทำงานของศาลฎีกา เพื่อให้เปลี่ยนองค์คณะของศาลฎีกานั้น การไปใส่ร้ายศาลจะเกิดผลเสียหายต่อคนที่เป็นจำเลยที่เกี่ยวกับคดีนี้
เป็นคนบ้าเท่านั้นที่จะทำ
โต้ไป ตีกรรเชียงหนีไป แต่นายพงศ์เทพคงลืมว่า คนบ้าแต่ไม่โง่
เอาเป็นว่า ตรวจสอบคดีใหญ่ๆของนักการเมืองที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง นาทีนี้ก็มีคดีที่ดินรัชดาของอดีตนายกฯทักษิณ คดีใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน และคดีคลองด่านที่มีนายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย เป็นจำเลย
เดิมพันวัดดวงทั้งนั้น
แต่ที่ร้อนแรงขึ้นมาพร้อมๆกับข่าวเงิน 2 ล้าน ซุกกล่องขนมที่ศาลฎีกา
ในเวลาไล่เลี่ยๆกัน ก็มีข้อมูลปูดมาจากเวทีม็อบพันธมิตรฯ แฉคดีใบแดงของนายยงยุทธที่งวดเข้ามาทุกขณะ ล่าสุดกำนันคู่กรณีนำหลักฐานไปขอให้ศาลสอบเพิ่ม อ้างมีการตุกติกหลักฐานจาก กกต.จังหวัด โยงต่อเนื่องไปถึงเกมรุมโห่กดดันนายสมชัย จึงประเสริฐ และนางสดศรี สัตยธรรม 2 กกต.เสียงข้างน้อยในคดีใบแดงของนายยงยุทธ
ล่อเป้าทีเดียวเป็นชุดๆเลย.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน