นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าววันนี้ (22 มิ.ย.) ในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ถึงกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำมาปลุกระดม ว่า เรื่องนี้นำมาปลุกระดมเกินเหตุ ถึงขนาดจะมีการนำไปศาลปกครอง เชื่อศาลปกครองรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เรื่องเขาพระวิหาร เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ.2505 กัมพูชาฟ้องศาลโลกว่าเขาพระวิหารเป็นของเขา เราสู้คดี บังเอิญคนที่ไปสู้คดีเชื่อมั่นในเรื่องแผ่นที่ มีการถามว่ารับแผนที่หรือไม่ ที่ประเทศฝรั่งเศสทำไว้ ท่านก็ไปยืนยันรับ เท่านั้น เวลาไปต่อสู้ ยอมรับแผนที่ ไทยก็แพ้คดี ศาลโลกตัดสินไทยแพ้คดีต้องยกปราสาทเขาพระวิหารให้กัมพูชา เวลาผ่านไป 45 ปี ไม่เห็นมีใครเริ่มไปเปิดคดีใหม่ ที่อยู่กันมาได้เพราะประโยชน์ร่วมกัน นักท่องเที่ยวขึ้นทางประเทศไทย กัมพูชาชักธงอยู่บนปราสาทเขาพระวิหาร 45 ปี ไม่เห็นมีใครทักท้วง
"เมื่อกัมพูชาจะนำเขาพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เราก็ทักท้วงไม่ให้ขึ้นทะเบียนบริเวณพื้นที่ทับซ้อน จนต้องไปเจรจาที่ยูเนสโก ในที่สุดกัมพูชาขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาท ในเขตของเขา ทหารก็ไปดู ส่วนพื้นที่ทับซ้อนให้เจรจากันภายใน 2 ปี ที่มีคนเขมรมาตั้งบ้านเรือนตั้งแต่ พ.ศ.2543 รัฐบาลสมัยนั้นก็ไม่ได้ดำเนินการอะไร คราวนี้ภายใน 2 ปี ต้องนำคนเหล่านั้นออกไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว และว่า การนำเรื่องเขาพระวิหารมาปลุกระดม ว่า มีการแลกกับการขุดน้ำมัน น้ำมันก็ไม่ได้ขุด แลกก็ไม่ได้แลก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้บัญชาการทหารบก เจ้ากรมสนธิสัญญาออกมายืนยันว่า เป็นขอบเขตของเขา เราไม่ได้เสียดินแดนก็ยังไม่ฟัง
นายสมัคร กล่าวด้วยว่า ทำไมคนเราเกิดการรักชาติจะเป็นจะตาย ก่อนหน้านี้หากกัมพูชาไม่ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร ก็อยู่กันต่อไป อีก 50 ปีก็ยังอยู่อย่างนี้ ตนรับผิดชอบในฐานะหัวหน้ารัฐบาล อย่าไปเกลียดชังนายนพดล ซึ่งอดีตเป็นทนายความให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทุกอย่างจบสิ้นไปแล้ว มาโยงใยว่ามีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ส่วนกรณีโรงไฟฟ้าที่เกาะกงจะสร้างนั้น รัฐบาลนี้เป็นคนไปเจรจาไม่ใช่พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยน ทำไมทำกันได้ขนาดนี้ ตนไม่เข้าใจ โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่มีส.ส.พรรคมาร่วมด้วย ให้ไปถามคนเก่าแก่ในพรรคเกิดอะไรขึ้น 45 ปีมาแล้ว