กรุงเทพฯ 24 มิ.ย.- “พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ” ชี้ปัญหาการชุมนุมของพันธมิตรฯ ยังไม่ถือเป็นวิกฤติ ยังมีโอกาสที่จะเจรจากันได้ และทางที่ดีที่สุดคือ ให้คู่กรณีเจรจากันเอง เรียกร้องเร่งยุติปัญหาแล้วมุ่งแก้ปัญหาใต้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 มิ.ย.) พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปทำบุญเลี้ยงพระร่วมกับคุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ ภริยา เนื่องในโอกาสครบรอบวันแต่งงานปีที่ 43 มีคนใกล้ชิดจำนวนหนึ่งมาร่วมงานที่วัดอาวุธวิกสิตาราม จากนั้นให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ขณะนี้ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่ขยายวงกว้างกลายเป็นวิกฤติการเมือง เพราะวิกฤติจะไม่ใช่รูปแบบนี้ และนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้รับผิดชอบก็คงไม่ปล่อยไปอย่างนี้
“สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้แสดงให้เห็นว่ามีความเข้าใจกันในระดับหนึ่ง มีทีท่าจะแก้ไขปัญหาได้ ดังนั้น ใครมองว่าเป็นวิกฤติ แต่ผมคิดว่าไม่ใช่ เพราะยังพูดจากันได้ และการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าให้ผู้ขัดแย้งจัดการกันเอง พูดกันเอง การไปหาคนกลาง เคยบอกไปแล้วว่าเป็นหนทางแรก แต่ก็ทำไม่ได้ การหาคนกลางลำบาก เพราะต้องเป็นผู้ที่ถือดุลได้จริง ๆ มีความรู้ ความเข้าใจ และต้องมีพลังสูงจริงๆ” พล.อ.ชวลิต กล่าว
ส่วนที่มีความเป็นห่วงว่า พันธมิตรฯ จะเคลื่อนการชุมนุมไปที่รัฐสภา ในการช่วงที่มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า เขาก็ไปหลายที่แล้ว จะไปอีกที่ก็คงไม่มีปัญหาอะไร พร้อมกับย้ำว่า สิ่งที่เกิดขึ้นยังไม่ใช่วิกฤติ ถ้าวิกฤติเขาจะไม่ประพฤติแบบนี้ รัฐบาลจะต้องมีแอ็คชั่น แต่นี่ก็ไม่มี เพราะรู้ว่าไม่มีอะไร พันธมิตรฯ ก็รู้ว่ารัฐบาลไม่มีอะไรเหมือนกัน และต้องการเจรจา ส่วนตัวเชื่อว่าจะไม่มีอะไรรุนแรง เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน
พล.อ.ชวลิต เรียกร้องให้ทุกฝ่ายเร่งยุติความขัดแย้ง และหันมาดูแลปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ เพราะข้อเท็จจริง ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่มีอะไร ขบวนการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น การระเบิดในตลาดสด จ.ยะลา หรือการลอบยิงเจ้าหน้าที่ ถ้าล้วงไปลึก ๆ ก็จะทราบว่าเป็นการแก้แค้นกันไปมา ประเด็นอยู่ตรงนี้ และในฐานะที่ผ่านการแก้ปัญหามา เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ก็คงพอจะทราบ และถ้าจะแก้ไขปัญหาจริง ๆ ตกลงกันจริง ๆ วิเคราะห์ให้ดี ก็แก้ไขไม่ลำบาก เพียงแต่ต้องรอคนที่เข้าใจมาแก้ไข เพราะฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามส่วนลึกก็เป็นคนไทย มีความจงรักภักดี และต้องการอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร มีความปรารถนาจะสร้างสันติของสังคมเขาที่มีความพิเศษ เป็นสังคมเฉพาะของคนที่อยู่ในพื้นที่ ทั้งไทยพุทธ มุสลิม และคนจีน เขาไม่ได้พูดถึงตัวเขาเอง หรือคนเดียว. -สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2008-06-24 14:52:31