คอลัมน์: ตะแกรงข่าว
พอดีได้นั่งดูมอนิเตอร์ข่าวเจอรายละเอียดงานเสวนาของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ที่ได้จัดเสวนา "4 เดือนรัฐบาลสมัคร สอบผ่านหรือสอบตก" แล้วรู้สึกว่า อย่างน้อยก็มีนักวิชาการใจกล้ากลุ่มหนึ่ง ที่มองเห็นความเลวร้ายของพันธมิตรฯ
ในวันนั้นมี อ.วรพล โสคติยานุรักษ์ รองประธานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อ.กิตติ ลิ่มสกุล อาจารย์เศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ ผอ.สถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าร่วมเสวนา
หลังจากอ่านเนื้อหาจากข่าวแล้ว ก็คิดว่าวันรุ่งขึ้นประเด็นนี้น่าจะถูกขยายความตามสื่อมวลชนกระแสหลักบ้าง เพราะถือเป็นนักวิชาการใจกล้าที่ออกมาพูดโดยไม่เกรงกลัวว่าจะถูกด่าตามหลัง
รวมทั้งเวทีดังกล่าวก็จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เครดิตน่าจะดีในแง่ของความเป็นกลาง
แต่ปรากฏว่าก็ต้องผิดหวังอย่างรุนแรง เพราะหนังสือพิมพ์เบอร์หนึ่งไม่ได้นำเสนอข่าวนี้เลย ส่วนเบอร์สองก็ตัดทอนถ้อยคำเอาเฉพาะประเด็นด่ารัฐบาลมานำเสนอ
ส่วนหนังสือพิมพ์ที่เลือกข้างอย่างชัดเจน ก็นำเสนอแค่ภาพข่าวแอบอยู่ในหลืบแทบมองไม่เห็น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรกันอยู่
งานในวันนั้นมีนักข่าวหลายสำนักไปร่วมฟัง เพราะแต่ละคนก็อยากได้ข่าวไปนำเสนอ ซึ่งผมเชื่อว่าแต่ละคนก็มีธงในใจแล้วว่าจะต้องข่าวมัน(ส์)ๆ
สื่อที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตรฯ ก็จัดแจงส่งนักข่าว ช่างภาพ ไปทำข่าวกันใหญ่โต เพราะเห็นหมายข่าวกับเจ้าภาพที่จัดงานด้วยแล้ว บรรณาธิการข่าวก็ยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วว่า งานนี้มีประเด็นให้โจมตีรัฐบาลแหงๆ แถมเป็นวันอาทิตย์อีกด้วย ข่าวยิ่งไม่ค่อยมี
แต่ปรากฏว่า งานเสวนาในวันนั้นเนื้อหากลับออกมาตรงกันข้าม เพราะบรรดานักวิชาการเริ่มมีความรู้สึกไม่พอใจพันธมิตรฯ กันบ้างแล้ว
โดยเฉพาะกับ ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท่านแสดงความคิดเห็นอย่างน่ารับฟัง
ที่ผมบอกว่าที่น่ารับฟังไม่ใช่ว่า ดร.ฐิตินันท์ ชื่นชมรัฐบาล แต่ท่านพูดเป็นกลาง นำเสนอวิธีคิดเป็นไปตามหลักวิชาการ ผ่านการคิดวิเคราะห์มาแล้ว
ท่านบอกว่า รัฐบาลถูกท้าทายจากปัญหาเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอก บวกกับปัญหาการเมืองนอกสภา ทำให้รัฐบาลไม่มีสมาธิในการแก้ปัญหา ทำงานเพียง 4 เดือน มีคนที่ไม่พอใจรัฐบาลออกมาประท้วง ปิดถนน เอาคนไปชุมนุมปิดล้อมทำเนียบ ไม่กลับบ้าน แล้วบอกว่า หมดเวลาสอบแล้ว เอาข้อสอบคืนมา
ดร.ฐิตินันท์ บอกว่า ถ้าการกระทำของพันธมิตรฯ ประสบผลสำเร็จ จะเป็นความเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ประชาธิปไตย
ผมถือว่าเป็นประโยคที่โดนใจที่สุด เพราะการกระทำของพันธมิตรฯ ถือว่าเลวร้ายและทุเรศที่สุดเท่าที่เคยมีม็อบขับไล่รัฐบาล
นอกจากนี้ ดร.ฐิตินันท์ ยังบอกอีกว่า แม้ตัวของท่านจะไม่ได้เลือกพรรคพลังประชาชน แต่ท่านก็เคารพคนอื่นที่เลือกพรรคนี้เข้ามา กลุ่มพันธมิตรฯ เองไม่เคยพูดถึงคนส่วนใหญ่ที่เลือกพรรคนี้มาเลย มีแต่พูดถึงวาระแคบๆ ของตัวเอง มันเป็นการยึดระบอบประชาธิปไตยไทยด้วยคนกลุ่มน้อยที่มีฐานอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งจะยอมไม่ได้
สิ่งที่ รศ.ดร.ฐิตินันท์ พูดได้ถูกต้องมากที่สุดคือ ท่านรู้สึกเสียดายที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เสนอทางออก การชูวาระประชาชนก็เป็นเพียงคำโฆษณาผิวเผิน และฉาบฉวยเพื่อชนะการเลือกตั้งเท่านั้น
รศ.ดร.ฐิตินันท์ ยังแสดงความเห็นถึงการสลับขั้วเปลี่ยนรัฐบาลโดยชู นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกฯ ว่าเป็นสิ่งที่น่าสมเพชเวทนา น่าอับอาย และน่าละอายใจมากที่สุด
นอกจากนี้ท่านยังบอกว่า ประชาธิปัตย์เคยคว่ำบาตรการเลือกตั้งมาครั้งหนึ่ง และการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็แพ้ แต่ก็ยังบอกว่าได้ ส.ส. มากสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งๆ ที่กรรมการก็อยู่ข้างพวกเขา กติกาก็อยู่ข้างพวกเขา คู่ต่อสู้ก็ถูกมัดมืออยู่ข้างหลัง แต่ก็ยังแพ้ขนาดนี้
หลายคนได้อ่านข่าวงานเสวนาแบบนี้แล้ว ก็ทำให้ใจชื้น ยังมีความรู้สึกว่า ประเทศไทยยังน่าอยู่ แม้บรรยากาศจะอึมครึมก็ตาม
และแม้ว่าข่าวลักษณะนี้จะไม่ได้ถูกนำเสนอเป็นประเด็นใหญ่โตนัก เหมือนกับครั้งที่ คุณวันชัย จงจรูญหิรัญ หัวหน้ากลุ่มติดตามการปฏิรูปการเมืองและต่อต้านการคอร์รัปชั่น (PRAC) ที่สาวลึกข้อมูล "คฤหาสน์หญิงเป็ด"
คุณวันชัยพานักข่าวไปดูถึงพื้นที่ แต่ก็มีสื่อกระแสหลักนำเสนอข่าวเพียงเล็กน้อย แถมยังเบี่ยงประเด็นแก้ข่าวให้ "หญิงเป็ด" อีกด้วย
ก็ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน เพราะวันนี้สื่อมวลชนยังมัวเมากับอำนาจมืดบางสิ่งบางอย่าง และมัวเมากับลัทธิหนึ่งที่คอยพูดจาโน้มน้าวให้คนทั้งหลายเชื่อ
แต่วันนี้ก็ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะมีสัญญาณที่ดีขึ้นบ้างแล้ว
พลังเงียบที่ไม่ได้มีปากมีเสียงนัก เริ่มจะออกมาเรียกร้องสิทธิของตัวเองกันมากขึ้น
พลังเงียบทั้งหลาย ถ้าคุณรำคาญกับสิ่งไม่ถูกต้อง ควรจะลุกขึ้นมาประกาศให้ทั่วโลกได้รู้ว่า เมืองไทยไม่ได้ถูกครอบงำเพียงแค่คนกลุ่มเดียว เมืองไทยยังเป็นประชาธิปไตยอยู่
เวลานี้ ถึงเวลากู้ชาติของจริงแล้ว อย่าเอาแต่บ่นอยู่ในบ้าน อย่ามัวแต่รำคาญอยู่ในใจ
ตอนนี้พวกเราต้องเร่งทำการ "กู้ชาติ" โดยด่วน ก่อนที่ประเทศชาติจะพังพินาศย่อยยับเสียหายไปมากกว่านี้
กู้ชาติ คืนกลับมาจากพันธมารทั้งหลาย
กู้ชาติ คืนกลับมาจากพรรคการเมืองอัปยศ
กู้ชาติ คืนกลับมาจากอำนาจมืด ที่ไม่มีความเป็นธรรม!
------------------------------
ลวดหนาม
จากหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ 24/06/2551
ลวดหนาม
จาก thai-grassroots