บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ใบแดงยงยุทธ คือการประกาศสงครามยกใหม่ อะไรจะเกิดก็ต้องให้มันเกิด จงแปรความโกรธเป็นพลัง สู้อย่างมีสติ

บทความ โดย ลูกชาวนาไทย


ก็เป็นอันแน่นอนแล้วว่า นายยงยุทธ ติยะไพรัช ได้ใบแดงไปแล้ว มถือว่านี้่คือการประกาศสงครามประชาชน และสรุปแล้วว่า พวกศักดินาไม่ต้องการสันติสุขให้เกิดขึ้นในแผ่นดินนี้

พวกเราผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลาย จงแปรความโกรธแต้นให้เป็นพลัง แปรวิกฤตให้เป็นโอกาส เพราะนี่คือวาระที่เราจะต้องต่อสู้ร่วมกัน เพื่อให้ได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ไม่มีผู้อุปถัมปฺอีกต่อไป นี่คือ รุ่งอรุณแห่งประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

แต่เป็นเวลาย่ำสนธยาของพวกศักดินาอำมาตยาธิปไตย พวกเขาใช้อาวุธชิ้นสุดท้าย คือ ตุลาการภิวัฒน์ แล้ว

สำหรับผมนั้น ผมไม่ได้กลัวเท่าไหร่เรื่องการให้ใบแดงคุณยงยุทธ ติยะไพรัช และการยุบพรรคพลังประชาชน ที่คาดว่าจะต้องตามมาอย่างแน่นอน เพราะคาดการณ์ได้อยู่แล้วว่ามันจะออกมาในรูปแบบนี้ และเกมนี้ำก็ไม่ได้รับมือได้ยากแต่อย่างใด เพราะมีการตั้งพรรคใหม่เอาไว้แล้ว หรืออาจต้องมีการยุบสภาเพื่อล้างไพ่ใหม่ ก่อนที่จะมีการยุบพรรคการเมืองเกิดขึ้น แต่อาจมีปัญหาเรื่องของการสูญเสียบุคคลากรไปบ้างเท่านั้น แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อศัตรูใช้วิธีนี้ ประชาชนก็ต้องก็ต้องรับมือกันต่อไป เราไม่อาจตั้งเงื่อนไขว่า เราจะเสียหายน้อย จากการโจมตีของศัตรูไม่ได้ เมื่อมีความเสียหาย มีผู้พลีชีพในการศึก เราก็ต้องยอมรับ

ตอนนี้ ผมถือว่า "พวกศักดินา" ไม่ต้องการให้เกิดสันติสุขกลับคืนมาสู่แผ่นดินนี้ พวกเขายังคิดว่าจะสามารถดึงแผ่นดีนี้ไว้ในยุคกลางอยู่ได้ ยุคที่ "สมมุติเทพยังมีความศักดิ์สิทธิ"์ ยุคที่ประชาชนยังต้องกราบไหว้ ก้มหัวให้ศักดินาอยู่ต่อไป

แต่ผมไม่คิดว่าประชาชนจะคิดอย่างนั้นแล้ว เพราะนี่มันคือศตวรรษที่ 21

ผมคิดว่าสิ่งที่พรรคพลังประชาชนควรจะทำในเวลานี้ มากกว่าการตีโพยตีพาย ด้วยความเศร้าเสียใจ คือ การใช้โอกาสนี้ เพื่อสู้ต่อไป

สิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนคือ "การจัดตั้งองค์กรพรรคให้เข็มแข็ง" เหมือนสายบังคับบัญชากองทัพในยามสงคราม คัดเลือกกลุ่มผู้นำในระดับต่างๆ ขึ้นมา เพื่อเป็นตัวแทน หากต้องเสียบุคคลากรไป หรือมี สส.บางคนย้ายออกไปจากพรรค

จุดอ่อนของพรรคพลังประชาชนที่ผมเห็นคือ องค์กรจัดตั้งที่อ่อนแอ ขาดการเชื่อมโยงกับมวลชนที่สนับสนุน ขาด คณะกรรมการยุทธศาสตร์และการจัดตั้ง ของพรรค

พรรคพลังประชาชน/ไทยรักไทย ถือว่ามีจุดแข็งที่ประชาชนมีความศรัทธาสูง มีนโยบายทีชัดเจน ประชาชนให้ความเชื่อถือ มีพื้นฐานมวลชนที่แน่นหนา มีตลาดที่มี Brand Royalty สูง

จุดอ่อนคือ การจัดองค์กร การเชื่อมโยงระหว่างผู้เลือกตั้งกับพรรคและกรรมการบริหารพรรคในระัดับเขตเลือกตั้งเป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะต้องชัดเจน และมีความเข็มแข็ง ผมคิดว่า สิ่งที่ควรทำอย่างเร่งด่วนคือ การตั้งกรรมการบริหารระดับภาค เืพื่อที่จะไปขยายโครงสร้างในส่วนของ กรรมการบริหารระดับเขต แล้วจึงเชื่อมโยงไปสู่ระบบสมาชิก และฐานมวลชนที่สนับสนุน

นอกจากนี้จะต้องมีระบบสื่อสารที่ทันสมัยและฉับไว ไปเชื่อมโยงระหว่างองค์กรบริหารพรรคกับองค์กรต่างๆ ในพรรค เหมือนระบบ Command, Control, Communication และ Information ในระบบการบังคับบัญชาของกองทัพสมัยใหม่

เมื่อองค์กรของพรรคเข็มแข็ง แม้จะโดนยุบพรรค เราก็แค่ "คิดชื่อใหม่" แล้วเอาองค์กรที่มีอยู่แล้วไปสวมลงทันที ไม่ว่าจะโดนยุบพรรคสักกี่ครั้งก็จะไม่มีความหมายอีกต่อไป

การจัดตั้งที่เข็มแข็งจะทำให้การต่อสู้ทางการเมืองกับ กลุ่มศักดินาที่คาดว่าจะเข็มข้นต่อไป มีความเข็มแข็ง และไม่ขาดแกนนำ

การยุบพรรคครั้งที่สอง จะทำให้พวกเราเข็มแข็งยิ่งขึ้น ไม่ทำให้เราอ่อนแอลงไปอีก

ขณะนี้ ผมคิดว่าเราต้องประเมินในทางร้ายที่สุดที่เราจะเจอก่อนว่า พรรคพลังประชาชน จะโดนยุบอย่างแน่นอน แต่ถึงจะโดนยุบ เราก็ยังมีเวลาอีกเหลือเฟือ โดยการยุบพรรคจะใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า 4-6 เดือน และหากมีการยุบสภา ก็จะต้องเลือกตั้งภายใน 2 เดือน และ กกต. ต้องประกาศรายชื่อ สส. ภายในหนึ่งเดือน กว่าจะตั้งรัฐบาลใหม่ พรรคพลังประชาชน ก็จะยังเป็นรัฐบาลไปอีกอย่างน้อยก็ 8 เดือน เราจึงยังมีเวลาเหลือเฟือ ในส่วนที่ต้องทำ คือ การจัดตั้งองค์กรพรรคให้เข็มแข็ง และขยายเครือข่ายไปยังฐานเสียง เพื่อรองรับ "ร่างใหม่" ในชื่ออื่น

พวกเขาอาจทำลายร่าง ทำลายชื่อพรรคของเราได้ แต่พวกเขาไม่อาจทำลายจิตวิญญาณของพวกเราได้ คนรากหญ้าได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ซึ่งนั้นคือ สิ่งที่สำคัญมากที่สุด เหนือสิ่งอื่นใด เมื่อคนรากหญ้าตื่นขึ้น และตระหนักในพลังของพวกเขา และเลือกพรรคพลังประชาชน เป็นผู้แทนของพวกเขา แม้ศัตรูจะสังหารผู้แทนของเขาตายหมด แต่ มวลชนรากหญ้า มวลชนของพรรค ผู้สนับสนุนพรรค นโยบายและแนวทางพรรคก็ยังมีอยู่อย่างสมบูรณ์

เราก็แค่ส่ง ผู้แทนพรรคชุดใหม่ ไปเท่านั้น

พวกศักดินานั้น เสียเปรียบพวกเรามาก พวกเขาเหลือเพียง เส้นสายที่เปราะบางในกลุ่มอำมาตย์เท่านั้น แต่สิ่งที่พวกเขาเสียไปคือ มวลชนชาวรากหญ้า และคนชั้นกลางก้าวหน้า ที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ

เมื่อเราเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ เป็นเสียส่วนใหญ่ เราจะไปกลัวทำไมกับการยุบพรรคของพวกศักดินาอำมาตยาธิปไตย

เมื่อสงครามยังไม่จบ ก็ต้องสู้กันต่อไป จะยืดเยื้อ กี่ปี กี่สิบปี ประชาชนก็มีเวลาเหลือเฟือ แต่พวกเขา ล้วนเป็นคนแก่หงำเหงือกกันทั้งสิ้น สิ่งที่พวกเขาไม่มี คือ เวลา และศรัทธา ซึ่งฝ่ายเรามีอย่างเหลือเฟือ


ปล. ผมจำได้ว่าในสมัยปี 2535 ก่อนที่สุจินดา คราประยุูรจะลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ได้มีการออก พรก.นิรโทษกรรม พวกตนเองไว้่ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 โดยเวียนมติ ครม. โดยไม่มีการประชุม ครม.ด้วยซ้ำ

ต่อมา รัฐบาลใหม่ ก็นำ พรก.นิรโทษกรรมนี้เข้าสภาในยุคนายชวน หลีกภัย และได้ตกไป สภาไม่อนุมัติ แต่ก็ถือว่า พรก.นี้ มีผลบังคับใช้ไปแล้ว มีผลในการนิรโทษกรรมไปแล้ว แม้จะไม่ผ่านสภาในภายหลัง ก็ไม่ถือว่ามีผลต่อกิจการใดๆ ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว

ดังนั้น พปช. ก็สาามารถใช้วิธีการเดียวกันในการ นิรโทษกรรมให้ กรรมการบริหารพรรค ทรท. 111 คน เพราะเมื่อมีการยุบพรรค และกรรมการบริหาร พปช. 35 คนโดนห้ามเล่นการเมือง คน 111 คน ก็สามารถเข้ามารับช่วงต่อได้ทันที

เรื่องนี้เป็นประเด็นการเมือง เพราะหากออกเป็นกฎหมาย ก็จะมีการต่อต้าน กันมากมายจากฝ่ายตรงข้าม แต่ พรก.นั้น สามา่รถออกได้โดย คณะรัฐมนตรี แล้ว นำเข้าสภาในภายหลัง แต่เรายุบสภาก่อน ก็ต้องรอเข้าสภา หลังมีการเลือกตั้ง แต่ผลของ พรก. มีผลบังคับใช้ไปแล้ว

คือ มันก็ต้องเล่นไม้นี้แหละครับ หากโดนยุบพรรคจริงๆ

และผมสัณนิษฐานว่าโดนแน่นอน



จาก thaifreenews

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker