บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

“ยุทธการสันดานมาร”

คอลัมน์: รายงานพิเศษ

ในห้วงอารมณ์แห่งความคุกรุ่นทางการเมือง ในห้วงอารมณ์แห่งการเลือกข้าง แบ่งฝักแบ่งขั้ว ...ใครคิดต่างคือ “ศัตรู” ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้ระบบความมั่นคงทางการเมือง ทางสังคม และเพื่อนมนุษย์ สั่นสะเทือนโดยใช่เหตุ คงไม่มากเกินหากขอยกคำนิยามปรากฏการณ์ “ยุทธการสันดานมาร”

เนื่องด้วยผู้เขียนทำการประมวลพฤติกรรมของ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในพื้นที่ต่างจังหวัด ที่กระทำการ “เอาความคิดตนเป็นใหญ่” ปิดล้อม โห่ขับไล่ หรือแม้แต่จะรุมประชาทัณฑ์ คนละพวก..คนละขั้ว กับตนให้สลบตายคาเท้าก็ไม่ปาน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่ จ.ขอนแก่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังคงเดินสายมอบนโยบายให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการ 14 จังหวัดภาคอีสาน ตามนโยบายที่กำหนดไว้ โดยต่อสู้กับเสียงตะโกนไล่ของผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น ที่ยังคง “ตะแบง” อย่างไม่เลือกวัน เวลา สถานที่ และความเหมาะสม

พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังแสดงทรรศนะทางกฎหมายต่อพฤติกรรมการชุมนุมแบบนี้ว่า “การตะโกนโห่ขับไล่ถือเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่ต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์ด้วย อย่าทำในลักษณะข่มขู่ เพราะจะทำให้เสียภาพลักษณ์ของจังหวัด ผมเป็นรัฐมนตรีจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ถือสา แต่อย่าคิดว่าคนอื่นๆ จะเห็นด้วยทั้งหมด”

ขณะที่ขบวนการขับไล่ยังคงดำเนินไปอย่างสอดรับเสมอๆ จนเป็นเหตุให้การปฏิบัติราชการต้องสะดุดอย่างไม่น่าจะเป็น โดยในการตรวจราชการในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคอีสานครั้งนี้

กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ใน จ.เลย เตรียมพร้อมขับไล่ ร.ต.อ.เฉลิม ตลอดเส้นทางที่รถยนต์ที่คณะ มท.1 ต้องขับผ่าน!!!

โดยมีการแบ่งกลุ่มประชาชนให้ยืนชุมนุมตามจุดแยกต่างๆ โดยรับการสั่งการผ่านการถ่ายทอดสัญญาณ ASTV จากกรุงเทพมหานคร จากสะพานมัฆวานสังสรรค์ โดยหัวหอกในครั้งนี้คือ จีระศักดิ์ น้อยกล่ำ แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ จ.เลย ฝากผ่านระดมพลพี่น้องพันธมิตรฯ ที่ต้องการร่วมขับไล่ มท.1 ผ่านหมายเลขโทรศัพท์ 089-6211-388

สร้างภาระให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในหลายพื้นที่ของ จ.เลย เช่น สภานีตำรวจภูธรวังสะพุง และอีกมากมาย ต้องตระเตรียมกำลังพลเพื่อทำการสลายม็อบ

เหตุการณ์ครั้งที่ครึกโครมสำหรับพฤติกรรมเยี่ยงนี้ เมื่อคราวที่ มท.1 เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา กลุ่มพันธมิตรฯ กว่า 150 คน โห่ไล่ตั้งแต่ท่าอากาศยานนานาชาติ จ.กระบี่ โดยเดินทางมารวมตัวกันที่หน้าประตูทางออกอาคารรับรองผู้โดยสาร ซึ่งมีการถือกระดานป้ายข้อความที่ด่าทอด้วยคำหยาบคาย ส่อสกุล กำพืด รากเหง้า อย่างเช่น

“ชาวกระบี่ไม่ต้อนรับสมุนทรราชย์” “ไอ้เป็ดเหลิมออกไป”

พร้อมกันนี้กลุ่มดังกล่าวยังปฏิบัติการวิชามาร ยกทัพไปปักหลักรวมตัวเพื่อปิดล้อม ด่าทอเป็นระลอกที่ 2 ที่โรงแรมมารีไทม์ ปาร์คแอนด์สปารีสอร์ท อ.เมือง จ.กระบี่ รวมทั้งมีการตั้งเวทีปราศรัยกันที่บริเวณหน้าโรงแรม โดยมีผู้ร่วมกลุ่มกว่า 200 คน เป็นการปักหลักข้ามวันข้ามคืน เพื่อไม่ต้องการให้มีการพักผ่อนอย่างสบายใจ

เป็นเหตุการณ์ที่ฉาวโฉ่มากที่สุดสำหรับครั้งนี้ เพราะโรงแรมที่รัฐมนตรีทำการพำนักนั้น เป็นของ นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่มีการยับยั้งการกระทำเยี่ยงนี้ของกลุ่มผู้ชุมนุมแต่อย่างใด

น่าแปลกที่ผู้ประการธุรกิจเอกชนปล่อยให้เกิดความไม่สะดวกสบายแก่ผู้ใช้บริการ หรือลูกค้ารายอื่น ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ หรือนี่จะเป็นการ “จงใจ” พร้อมกันนี้ยังมีหลักฐานชัดเจนครั้นเหตุการณ์ที่ผู้ชุมนุมตั้งกลุ่มขับไล่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่บริเวณสนามบิน จ.กระบี่ นั้น ปรากฏภาพ นายสาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ ยืนอยู่บริเวณชั้น 3 ของอาคารสนามบิน และกำลังแอบยืนถ่ายภาพด้วยโทรศัพท์มือถือ

โดย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ทำการแถลงข่าว เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พร้อมแสดงภาพคลิปวิดีโอ ซึ่งอ้างว่ามีประชาชนที่ จ.กระบี่ ได้ส่งมาให้ ขณะเดียวกันนายสาครได้ออกมาแก้ต่างให้กับตนเอง และท้าเดิมพันด้วยตำแหน่ง โดยระบุว่า หากตนเป็นคนบงการจริง ก็พร้อมจะลาออก และท้าทายให้รองโฆษกฯ ลาออกจากตำแหน่งเช่นกัน หากพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง

การทำงานที่สอดรับ...พฤติกรรมที่สอดคล้องเช่นนี้ จะให้ประชาชนคิดอ่านประการใด??

นี่ไม่ใช่ครั้งแรก และเอาหัวเป็นประกันว่าต้องไม่ใช่หนสุดท้าย ที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะกระทำเยี่ยงนี้กับรัฐมนตรีชุดรัฐบาล สมัคร สุนทรเวช

เมื่อต้นสัปดาห์ นพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ถูกกลุ่มพันธมิตรฯ จ.นครราชสีมา ร่วม 200 คน ทำการรุมทึ้งที่หน้ารั้วประตูบ้านเลขที่ 79 ม.3 บ้านแฝก ต.สามเมือง อ.สีดา จ.นครราชสีมา นำโดย อิทธิ ขวัญอุดมพร แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ โคราช เพื่อขับไล่ให้ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสีย อ้างว่าเนื่องจากเป็นปฐมเหตุให้ประเทศไทยเสียดินแดนปราสาทเขาพระวิหารให้กับประเทศกัมพูชา

บ้านที่ไม่มีนายนพดลพำนักอยู่ มีแต่ นางสำเนียง ปัทมะ อายุ 54 ปี พี่สาวแท้ๆ อาศัยอยู่เพียงลำพังเท่านั้น แต่กลุ่มพันธมิตรฯ สู้อุตส่าห์สร้างกระแสข่าวให้กับตนเอง เพื่อหวังสร้างบารมีให้กับแกนนำทั้ง 5 ให้ดังคับประเทศ

แต่ทว่าเหมือนดังคำที่สิงห์เหลิมเตือนไว้ “อย่าคิดว่าคนอื่นจะเห็นด้วยทั้งหมด” เพราะเกิดเหตุการณ์ที่ กำนัน ต.สามเมือง อ.สีดา ได้ประกาศผ่านหอกระจายข่าว เรียกชาวบ้านในหมู่บ้านและชาวบ้านหมู่บ้านใกล้เคียง ออกมาต่อต้านและขับไล่กลุ่มพันธมิตรฯ ให้ออกไปจากหมู่บ้านกว่า 300 คน ทำให้เกิดการเผชิญหน้า เกือบเกิดเหตุการณ์เลือดตกยางออก

ขณะเดียวกัน ปัญหาการแยกขั้วทางการเมืองยังกลายเป็นไฟลามทุ่ง มายังอาชีพดารา-นักแสดง หลังจากที่มีกลุ่มดาราและนักร้องหลายคน ขึ้นเวทีไฮปาร์ก อาทิ “ตั๊ว-ศรัณยู วงศ์กระจ่าง" “จอย-ศิริลักษณ์ ผ่องโชค" "สุกัญญา มิเกล" หรือแม้แต่ “หรั่ง ร็อคเคสตร้า” ร็อกเกอร์รุ่นเก๋าชื่อดัง

นักแสดงก็มีเลือดเนื้อ ชีวิต จิตใจ และคงไม่มีใครเห็นพ้องกับกลุ่มคนเหล่านี้เสียหมด จึงเป็นที่มาของการแตกหักอันร้อนระอุ ระหว่าง “ตั๊ว-ศรัณยู” กับ “หนุ่ม” ศรราม เทพพิทักษ์ พระเอก และนักร้องชื่อดัง ที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงกรณีไม่ได้เดินทางมาร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ โดยให้เหตุผลว่า

“ไม่อยากทำให้พ่อหลวงนอนไม่หลับ”

อีกทั้งยังพาดพิงถึงดาราและศิลปินที่มาร่วมชุมนุม และขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ว่าคิดคนละอย่างกับตน คงอยากให้ในหลวงนอนไม่หลับ จนสร้างความไม่พอใจแก่กลุ่มพันธมิตรฯ สิงห์บุรี จนถึงกับประกาศลั่นว่า ความคิดของนักร้องหนุ่มเป็นความคิดตื้นๆ พร้อมกับมีการโห่ไล่ไม่ต้อนรับสมทบอีกระลอก

ไม่เข้าใจว่ากลุ่มพันธมิตรฯ สิงห์บุรี เอามาตรฐานใดมาวัด “ความรักในหลวง” ของคนไทยธรรมดาคนหนึ่งว่าเป็นความคิดตื้นๆ

ส่วนพระเอกรุ่นเก๋าอย่าง ศรัณยู วงศ์กระจ่าง ขึ้นเวทีตอบโต้ว่าไม่ให้ความสำคัญกับคำพูดดังกล่าว พร้อมบอกเตือนว่า “ไม่เข้าใจอะไรแล้วอย่า...สอใส่เกือกพูด” เป็นการโจมตีอย่างรุนแรงสำหรับคนที่เคยร่วมงานรักใคร่กันมา

ไม่ว่าจะเป็นการขัดขวางการตรวจราชการของรัฐมนตรี หรือแม้แต่ดารา-นักแสดง สิ่งเหล่านี้เป็นพฤติกรรมที่กระด้างด้วยศีลธรรม และจรรยาบรรณของการเป็น “เพื่อนมนุษย์” ผู้ซึ่งมีสิทธิเท่าเทียมกันในสังคม ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในผืนแผ่นดินไทย ผู้ซึ่งใช้ภาษาและวัฒนธรรมแบบเดียวกัน

หากมองในแง่หลักการบริหารจัดการควบคุมแล้ว นับว่าแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทั้ง 5 คน คือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และ นายพิภพ ธงไชย “เหลวแหลกอย่างรุนแรง”

“เหลวแหลก” อันเนื่องมาจากว่า แกนนำทั้ง 5 คนไม่สามารถควบคุมกำลังพลในสังกัดของตนเอง ที่แตกแขนงแยกสาขาในทั่วภูมิภาค ผู้ซึ่งแกนนำทั้ง 5 คนได้หยิบยกขึ้นอ้างมาอย่างต่อเนื่องว่า “ประชาชนคนไทย” โดยมีความฉลาดทางอารมณ์ หรือระบบอีคิวต่ำ (EQ : Emotionnal Quotient) ซึ่งหมายถึง ความฉลาดทางอารมณ์ที่จะช่วยให้การดำเนินชิวิตเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และมีความสุข ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของความฉลาดทางสังคม ที่ประกอบด้วยความสามารถในการรู้อารมณ์และความรู้สึกของตนเองและผู้อื่น สามารถแยกความแตกต่างของอารมณ์ที่เกิดขึ้น และใช้ข้อมูลนี้เป็นเครื่องชี้นำในการคิดและการกระทำสิ่งต่างๆ

พฤติการณ์แสดงออกเช่นนี้ เป็นบทเรียนให้สังคมไทยได้ตระหนักว่า เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับประชาชนคนไทยกันแล้ว คนบ้านเดียวกันที่จะใช้มีดกรีดข้อมือกี่ครั้งกี่หนก็เลือดสีเดียวกัน ข้นเหมือนกัน แล้วเพราะเหตุใดถึงได้ปฏิบัติพฤติกรรมเยี่ยงมารเช่นนี้

อย่าลืมว่า เมื่อคราวที่กลุ่มพันธมิตรฯ จัดการประชุมครั้งใหญ่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 2 มีการตอบโต้ระหว่าง 2 กลุ่มที่คิดต่าง จนกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ทำให้คนบางคนที่อยู่คนละฟากกับบ้านพระอาทิตย์ เสียชีวิตมาแล้ว

กฎหมายอยู่ตรงไหน ความยุติธรรมอยู่ที่ใด แล้วใครจะช่วยตอบให้เกิดความกระจ่างให้คลายความสงสัยเสียที กับยุทธการพันธมาร ที่กระเหี้ยนกระหือรือเยี่ยงนี้


ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker