สัปดาห์นี้เราจะเห็นรัฐบาลของนายกฯ สมัคร สุนทรเวช ตอบโต้ทางการเมืองอย่างเป็นเนื้อเป็นน้ำหน่อย หลังจากทำตัวเป็น “ดาวพระศุกร์” ให้ฝ่ายตรงข้ามตบแล้วตบอีก จนคนเชียร์ทั้งหลายเริ่มอ่อนใจ การออกลูกหนักๆ เช่น มาตรการ 6 มาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้น การดับเครื่องชนองค์กรอิสระอย่าง ปปช. และ กกต. รวมทั้งการที่ สส.พรรคพลังประชาชน ได้ยื่นตรวจสอบ สส.ฝ่ายค้านและ สว.ทั้งหลายที่ยังถือหุ้นบริษัทต่างๆ อยู่ และล่าสุด หมัดเด็ดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาคือ รัฐบาลจะใช่ช่วงเวลา 22.00-23.00 น. ให้ทีมโฆษกของรัฐบาลชี้แจงปัญหาต่างๆ ผ่านสถานีโทรทัศน์ NBT ตอบโต้โทรทัศน์ ASTV วันต่อวัน ประเด็นต่อประเด็น เรียกว่าแลกมันกันเลย
ประเด็นการใช้ NBT เพื่อชี้แจงและรุกกลับทางการเมืองนั้นในวันนี้ รัฐบาลได้แถลงว่าจะไม่ทำรายการเอง เพราะสัญญาเช่าเอกชนยังไม่หมดอายุ แต่เอกชนแจ้งว่าของเปลี่ยนแปลงรายการเป็น “ความจริงวันนี้” แทน โดยให้ วีระ มุกสิกพงศ์ ขุนพลใหญ่ของ PTV ออกมาจัดรายการเอง โดยมีณัฐวุฒิ ใสเกื้อ และจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นแขกรับเชิญ นี่จึงเป็นหมัดเด็ดว่า “รัฐบาลได้เริ่มเกมรุกแล้ว” อย่างแท้จริง เพราะนี่เท่ากับการยก PTV ออกมาเป็น ฟรีทีวีที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ เข้าถึงผู้ฟังได้มากที่สุด นับว่าเป็นสิ่งที่รัฐบาลควรทำตั้งนานแล้ว ไม่ใช่ปล่อยให้เขารุก จวนเขาจะยุบพรรคการเมืองอยู่แล้ว จึงออกมาดิ้น
แต่ถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าให้โดนฆ่าทิ้งอย่างอเน็จอนาถ ไม่ได้ต่อสู้เลย ตอนนี้ตายก็ต้องตายกันไปทุกฝ่าย ไม่จำเป็นต้องแคร์อะไรแล้ว
ในหลายวันมานี้เช่นกันที่ผมได้ยินข่าวลือเรื่องการทำรัฐประหารอย่างหนาหู แม้ว่าผมจะไม่ค่อยเชื่อว่าทหารยังจะกล้าทำรัฐประหารอีก หลังจากที่ทำรัฐประหารเมื่อปีที่แล้ว ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการแก้ไขวิกฤตการณ์ความขัดแย้งในสังคมไทย แต่การรัฐประหารปีที่แล้ว กลายเป็นการสร้างความวุ่นวาย ความขัดแย้งสร้างปัญหาให้สังคมมากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อได้ยินข่าวลือบ่อย ๆ เข้า และข่าวลือครั้งนี้บอกว่าตัวจริงเสียงจริงสั่งทำเองเลย ผมชักเริ่มเขวเสียแล้วว่า บางทีมันอาจเป็นจริงก็ได้ ผมไม่สามารถประมาทความโง่ของชนชั้นปกครองของไทยได้ และไม่ควรประเมินคนเหล่านี้สูงเกินไป บางทีพวกเขาอาจทำสิ่งโง่ๆ ก็ได้ แม้ว่ามันจะเป็นการจุดระเบิดสังหารตัวเองก็ตาม ดังนั้นผมจึงไม่ตัดความเป็นไปได้ของข่าวลือนี้เสียเลยทีเดียว
แต่ถึงจะเชื่อว่าจะมีการทำรัฐประหารจริง ผมก็ไม่ได้รู้สึกกลัวหรือกังวลแต่อย่างใด เพราะผมก็มีคำตอบในใจผมอยู่แล้วว่า "รัฐประหารแล้วไง So what?"
ผมไม่ได้เชื่อว่า จะไม่มีคนทำรัฐประหาร และผมเชื่อว่าจะทำสำเร็จได้ไม่ยากด้วย
แต่ทำแล้วได้อะไร จะสามารถปกครองประเทศไทยได้ด้วย "ระบอบอำมาตยาธิปไตยแบบ 70/30 ไปได้ตลอดกาล" ต่อไปจากนี้อีกกระนั้นหรือ
ผมว่าคำถามนี้ น่าจะเป็นสิ่งที่คน ที่มีอำนาจทำรัฐประหารต้องตอบตัวเองมากกว่า
เขา สามารถที่จะ "เบรกวงล้อแห่งพัฒนาการให้อยู่กับที่ได้อย่างนั้นหรือ" จะหยุดพัฒนาการทางสังคมไทย จากยุคสมบูรณาญาสิทธิ์ราชย์ มาสู่ยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ แล้วหยุดอยู่ที่ระบอบอำมาตยาธิปไตย อย่างนั้นละหรือ จะสามารถปกครองประเทศที่มีประชากร 65 ล้านคน มีระบบเศรษฐกิจที่เชื่อมกับ "เศรษฐกิจโลกเกินกว่าร้อยละ 50 ของจีดีพี มีอุตสาหกรรมที่พึ่งการส่งออก ระบบเศรษฐกิจต้องพึ่งพิงการท่องเที่ยว ต้องพึ่งพิงการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศเกือบ 80% อย่างนั้นหรือ
เขาจะบริหารประเทศให้รอดไปได้อย่างภายใต้ระบอบ 70/30 ที่คาดว่าจะมีความวุ่นวายทางสังคมตามมา
ต่อให้พวกเขาทำรัฐประหารสำเร็จ จับพวกทักษิณเข้าคุกให้หมด หรือยิงทิ้งในคุก
พวกเขาจะอธิบายกับสังคมโลกอย่างไรในสัปดาห์ต่อไป และหากมีการ คว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ พวกเขาจะทำอย่างไร
ปี 2551 ระบบเศรษฐกิจของไทยเป็นระบบกึ่งอุตสาหกรรม ประชากรวัยแรงงานกว่า 40% อยู่ในภาคอุตสาหกรรม พวกเขาจะทำอย่างไร หากเศรษฐกิจพังพินาศลงมา จากการคว่ำบาตร หรือจากการถอนการลงทุนไปทั้งหมด คนหลายล้านคนจะต้องตกงาน และคนเหล่านี้จะไม่มีหลังพิงเหมือนสมัย 40 ปีที่แล้ว ที่หากตกงาน ก็สามารถกลับไปทำนากับพ่อแม่ของพวกเขาได้
แต่ปี 2551 พวกเขากลับไม่ได้
"นักรัฐประหาร" จะทนกับความวุ่นวาย ความโกรธแค้น ของฝูงชนนี้ได้อย่างไร
และอย่าคิดว่าประชาชนจะไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังนะครับ
กษัตริย์คะเยนทรา แห่งเนปาล ก็ทำรัฐประหารรัฐบาลเลือกตั้ง ขึ้นกุมอำนาจบริหารเอง โดยให้เหตุผลว่าเพื่อปราบปรามพวกลัทธิเหมาให้สิ้นซาก
แต่ไม่ถึงหนึ่งปี แทนที่พวกกบถลัทธิเหมาจะสิ้นซาก กลับเป็นบัลลังค์ของคะเยนทราเองที่ล้มลงไป
ตอนนี้ผมไม่เชื่อว่า "อำนาจเด็ดขาด" ไม่ว่าของใครก็ตาม จะสามารถแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองได้ เพราะ คุณจะต้อง "ฆ่า จำคุก กักขัง" คนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และคนทำรัฐประหาร จะอยู่ตรงข้ามกับชาวโลกมากขึ้นเรื่อยๆ ปล่อยมือก็ไม่ได้ เพราะขึ้นหลังเสือแล้ว ไม่ปล่อยมือ เสือก็วิ่งเข้าใกล้ปากเหวขึ้นทุกที แต่ในที่สุดแล้วจอมเผด็จการไม่ว่าคนใด ก็ไม่เคยจบชีวิตได้อย่างสวยงามสักคนเดียว
ในขณะนี้ ผมยินดีที่จะมีคนทำรัฐประหาร เพราะมันหมายถึงการเริ่มยุคใหม่อย่างแท้จริงนั้น ใกล้เข้ามาแล้วครับ ผมไม่ได้ประมาทความโง่ของผู้มีอำนาจทั้งหลาย แต่ถ้าเขาเลือกวิธีนี้ แสดงว่าเขาทุ่มจนหมดหน้าตักแล้วละครับ เขาไม่มีไพ่ตัวอื่นเล่นอีกแล้ว
"ในศตวรรษที่ 21 พวกเขายังคิดจะคงระบอบอำมาตยาธิปไตย" เอาไว้ได้อย่างนั้นหรือ
มันช่างเป็นเรื่องที่น่าหัวร่อจริงๆ นะครับ ผู้เลือกตั้งที่ตื่นขึ้นมาแล้ว พวกเขาจะทนกับแรงเสียดทานแบบนี้ได้กี่ปีกันแน่
ทันทีที่สถาปนาระบอบ "ศักดินาอำมาตยาธิปไตย 70/30" ขึ้นมา ก็เริ่มนับถอยหลังได้เลยครับ
จักรวรรดิสหภาพโซเวียตอันยิ่งใหญ่ ยังล่มสลายเลย สำมะหาอะไรกับประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่อาจทนต่อแรงบีบขั้นจากนานาประเทศได้เลยแม้แต่น้อย
พวกเขาคิดว่ายิ่งใหญ่กว่าเผด็จการพม่าอย่างนั้นหรือ ยิ่งยงกว่า “คิม จอง อิล” แห่งเกาหลีเหนืออย่างนั้นหรือ
"การพยายามหยุดโลก หยุดกงล้อแห่งประวัติศาสตร์ของพวกคุณปู่ทั้งหลาย" ในปี 2551 นี่มันช่างน่าสมเพชสิ้นดีนะครับ
แค่เวลา และสังขารของตัวเอง ก็ยังจะไม่สามารถเอาชนะได้ แต่คิดจะหยุดพัฒนาการของสังคมของลูกหลานตนเองไว้กับที่ เพียงเพื่อต้องรักษา Status Quo ของตนไว้ให้ได้เท่านั้น มันน่าหัวร่อ จริงๆ นะครับ
จาก thaifreenews