บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

คอลัมน์ : สามเหลี่ยมดินแดง

คอลัมน์ : สามเหลี่ยมดินแดง

** สวัสดีท่านผู้อ่านหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ รายวัน ฉบับที่ 195 ประจำวันอังคารวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 แทง แทนไท ต้อนรับเข้าสู่สภาวะ “สงครามประชาชน” ที่กำลังปรากฏเค้ารางให้เห็นว่าจะหนักหน่วงรุนแรง ทั้งการปะทะทางความคิด และการกระทำ เป็นสงครามระหว่าง ประชาชนฝั่งฝาประชาธิปไตย กับ ทาสในเรือนเบี้ยของอำมาตยาธิปไตย ทำนายไว้ได้ล่วงหน้า คนฝั่งฝาประชาธิปไตย จะชนะสงครามนี้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

** ขอปรบมือชื่นชม นายกฯ สมัคร สุนทรเวช ที่ ออกอาการเมาหมัดจะล้มไม่ล้มแหล่ กลับมายืนถูกที่ถูกทาง ประกาศ “ชักธงรบ” ไล่ล่า! ฆ่าฟัน! ซากเดนเครื่องมือ “ทรราช” ที่แผลงฤทธิ์เดชออกมาให้เห็น ทั้งที่ แทง แทนไท เคยเตือนแล้วเตือนอีกว่า หากรัฐบาลจะบริหารงานได้อย่างมีเสถียรภาพ เราต้อง กำจัดความชั่วร้าย ที่เหล่า อำมาตยาธิปไตย ได้วางยาเอาไว้ ให้ออกไปไกลๆ ทางคนฝั่งฝาประชาธิปไตย เพราะมันเปรียบเสมือน น้ำ กับ น้ำมัน ที่ไม่มีวันอยู่ร่วมโลกกันได้เด็ดขาด ทุกฝ่ายต้องกล้าคิด และกล้าทำ ชาติถึงจะพ้นภัยพิบัตินี้ไปได้

** ตุลาการภิวัตน์ กำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทำการ “ปฏิวัติ” รุกคืบยึดอำนาจฝ่ายบริหารอย่างแนบเนียน ล่าสุดผู้นำฝ่ายบริหารนำเรื่องราวนี้มาตีแผ่ โดยเฉพาะกรณี Letter Of Intend (LOI) หรือ “หนังสือแสดงเจตจำนง” จำนวนหลายสิบฉบับ ที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ นายชวน หลีกภัย ได้ลงนามร่วมกับ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF รวมถึง Side Letter หรือ จดหมายน้อย หรือ จดหมายแนบ ศาลรัฐธรรมนูญได้มีบรรทัดฐานว่าไม่ใช่สนธิสัญญาที่ต้องนำเข้าสู่การประชุมของรัฐสภาเพื่อขออนุมัติ ทั้งที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่พวก “ยามเผาแผ่นดิน” เคยโจมตีว่า “กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ” เพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินกู้ก้อนมหึมา ส่งผลกระทบต่อสังคมไทยมากมาย โชห่วยปิดกิจการ นักลงทุนต่างชาติทะลักเข้าเมืองเต็มไปหมด แย่งคนไทยทำมาหากิน

** ขณะที่ “joint communiqu?” หรือ “แถลงการณ์ร่วม” กลับกลายเป็นสนธิสัญญา ต้องนำเสนอต่อ รัฐสภา เป็นมาตรฐานของประเทศชาติไทยไปแล้ว ถามว่า ต่อจากวันนี้!!! รัฐบาลไทยจะ เดินทางไปต่างประเทศ จะเจรจาค้าความ เรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง จะทำได้อย่างไร? เพราะทุกเรื่องต้องนำมาให้รัฐสภาอนุมัติเสียก่อน กลายเป็นว่า รัฐบาลไม่มีอำนาจเต็ม ในการเจรจาค้าความกันต่อไปแล้ว ท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช กรุณาอย่าตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศคนใหม่เลย เสียงบประมาณ มีกระทรวงการต่างประเทศไปทำไม เพราะไปตกลง ไปทำการเจรจาอะไรไม่ได้แล้ว ขนาด แถลงการณ์ร่วม ยังไม่ได้เลย ทำได้อย่างเดียวคือ “กฎหมายขายชาติ” ซึ่งรัฐบาลนี้ ไม่ทำแน่นอน!

** เสียดายที่ ปองพล อดิเรกสาร เกิดใน ตระกูลผู้ดี มีการศึกษา แต่ไม่เคยอ่านสุภาษิตโบราณหรืออย่างไร ท่านรู้จักหรือไม่ สุภาษิตที่ว่า “สีซอให้ควายฟัง” ดันไปคบค้าสมาคมกับคนพวกนี้ ไปพูดข้อเท็จจริงอะไรก็ตาม แต่เขาจะไม่รับฟังทั้งนั้น ไม่ได้ 1 จะเอา 2 ไม่ได้ 2 จะเอา 3 สีข้างเข้าถูไปเรื่อยๆ เพื่อให้เป็นผลประโยชน์ทางการเมือง แล้วเป็นไง มามุกใหม่อีก ไม่เอา ปราสาทเขาพระวิหาร เป็นของไทยอีกแล้ว ทั้งที่พูดปาวๆ ให้คนไทยกลายเป็นพวก “คลั่งชาติ” ยุยงปลุกปั่นกระแสว่าปราสาทเขาพระวิหารเป็นของคนไทย วันนี้...กลับไม่ใช่เสียฉิบ แถมด้วยข้อมูลใหม่กิ๊กอีกว่า “ทางกัมพูชาจะเป็นผู้จัดทำแผนที่ ซึ่งไม่ได้ระบุว่าไทยจะมีส่วนร่วมอย่างไร และการทำแผนที่ครั้งนี้มีการจัดทำเขตบริหารจัดการ ปรากฏว่าแผนผังดังกล่าวแม้แต่คณะกรรมการมรดกโลกของฝ่ายไทยก็ยังไม่มี ได้เห็นเพียงผ่านๆ ในช่วงเสนอต่อที่ประชุมเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก”

** ประเทศไหนในโลก จะกล้าเสนอให้ ไทย มีส่วนร่วม เพราะเขาไม่รู้ว่า อำนาจรัฐาธิปัตย์ ของ ไทยแลนด์ อยู่ที่ไหนกันแน่ ฝ่ายบริหาร หรือ รัฐสภา หรือ ตุลาการ ใครไปเจรจาแทนมีหวังติดคุกหัวโต หรือถูกประหารชีวิต เพราะพวกคนเหล่านี้ทำบรรทัดฐานใหม่เอาไว้แล้ว วันนี้มันกลับมาเรียกร้องให้มีกรรมการจากฝ่ายไทย รัฐบาลไทย จะมีหน้าไปตกลงกับเขาได้อย่างไร เพราะเท่ากับไปรับรองดินแดนอย่างแท้จริง วันนี้ กรมแผนที่ทหาร กรมสนธิสัญญา กระทรวงการต่างประเทศ จะมีน้ำยาอะไรบ้าง...ทะเลาะกันดีนัก กรรมการมรดกโลกเลยให้สิทธิ กัมพูชา ประเทศเดียว นี่แหละผลพวง...ยิ่งเล่นการเมืองภายในกันยิ่งเข้าทางกัมพูชา

** คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ท่านจะยัง หน้าด้านหน้าทนอยู่ในตำแหน่ง ไปอีกนานเท่าไร ในเมื่อท่านมีที่มาจาก การปฏิวัติรัฐประหาร แล้วจะมีความชอบธรรมใดเหนือคนที่มีที่มาจาก การเลือกตั้งของพี่น้องประชาชนได้ รัฐธรรมนูญ มาตรา 246 กำหนดว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประกอบด้วยประธานกรรมการคนหนึ่ง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอื่นอีกแปดคน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา

** ถามว่า ป.ป.ช. ชุดนี้ ใครแต่งตั้ง ต้องตอบว่า คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นคนแต่งตั้งในปี 2549 แต่วันนี้รัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็นพระราชอำนาจ ให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา แม้จะมีบทเฉพาะกาลมาตรา 299 วรรคสอง กำหนดไว้ก็ตาม แต่เรื่องนี้เป็นกรณีเกี่ยวเนื่องกับพระราชอำนาจ ทำไมวันนี้! คนเก่าที่ถูกแต่งตั้งโดยคณะปฏิวัติรัฐประหารจึงยังไม่ลาออกไป เพื่อคืนสิทธิให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 239 ตามที่นายกฯ สมัคร สุนทรเวช ได้บอกกล่าวไว้เสียล่ะ เพื่อความสง่างาม หากท่านดีจริงก็ได้รับเลือกเข้ามาใหม่ไม่เสียหลาย


ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker