บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ผมไม่ได้เชียร์คุณชูวิทย์หรอกครับ... แต่ยุคแห่งวิญญูชนจอมปลอมสมัยนี้ บางทีเจอแบบนี้บ้างก็ดีเหมือนกัน



บทความ โดย ลูกชาวนาไทย

ผมเกิดความเบื่อหน่ายการเมืองมาสองสามสัปดาห์แล้ว และไม่มีประเด็นอะไรที่จะเขียนบทความ จนเขียนไม่ออกไปเหมือนกัน ประเด็นต่างๆ มันก็กร่อยจนไม่รู้จะเอามาเขียนอย่างไรเหมือนกัน ตอนนี้ก็เลยเอาตามเหตุการณ์ กรณีคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ชกหน้าพิธีกรในรายการโทรทัศน์ช่อง 3 มาพูดเสียหน่อย ทำตัวให้ทันเหตุการณ์บ้างก็ดีเหมือนกัน

ตอนนี้ผมเบื่อยุคแห่งการอ้างจริยธรรมบังหน้า มือถือสากปากถือศีล ที่พวกที่ทำท่าดูดี แต่จิตใจคิดทำร้ายคนอื่นตลอดเวลา ยุคสมัยแบบนี้บางทีมันก็ต้องเจอกับคนแบบชูวิทย์บ้างก็ดีเหมือนกัน ถือว่าเป็นการปลดแอกจากพวกที่อ้างจริยธรรมบีบบังคับให้คนอื่นต้องยอมสยบใต้หน้ากากแห่งจริยธรรม ไม่มีใครกล้าหือ เมื่อเจอคนที่กล้าสู้อย่างคุณชูวิทย์ ก็สร้างความสะใจให้กับประชาชนจำนวนมากได้บ้างเหมือนกัน

วิกฤตการณ์ทางการเมืองไทย สามปีที่ผ่านมานี้ สื่อมวลชนมีส่วนอย่างมากในการทำให้วิกฤตการณ์และความแตกแยกกันในหมู่ประชาชนขยายตัวมากยิ่งขึ้น สื่อเลือกข้าง ทำร้าย กดดันเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่ง และชูอีกฝ่ายหนึ่ง ย่อมสร้างความอึดอัด คับข้องใจให้กับประชาชนจำนวนมาก

ความวุ่นวายทั้งสามปีมานี้ สื่อสายเนชั่น และผู้จัดการ ถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้ประเทศชาติเลวร้ายลง

เมื่อมีการเรียกร้องให้สมาคมวิชาชีพของสื่อเข้ามารับผิดชอบสมาคมพวกนี้ กลับปกป้องและเข้าข้างพวกเดียวกันเอง จนประชาชนไม่มีที่พึ่งใดจะสามารถปรามสื่อที่เลวร้ายในยุคนี้ได้

ตอนนี้ผมไม่ได้กลัวจริยธรรม และศีลธรรมเสื่อมแล้วครับ เพราะศีลธรรม และจริยธรรมจริงๆ มันได้หายไปจากสังคมนี้นานแล้ว ตั้งแต่มีการอ้าง "จริยธรรม" เพื่อทำร้ายกันทางการเมือง จนกลายเป็นยุคการอ้างจริยธรรม ทำร้ายผู้อื่นมากที่สุดยุคหนึ่งของการเมืองไทย

คนอย่างนายจรัญ ภักดีธนากุล หรือ คุณหญิงจารุวรรณ เมทะกา หรืออีกหลายคนที่ "อ้างจริยธรรม เพื่อทำร้ายคนอื่น แต่เมื่อตัวเองทำผิด กระทำการอย่างเดียวกับที่ตัดสินคนอื่น กลับใช้สองมาตรฐานบังหน้า ไม่ยอมรับผิดชอบ แต่กลับอ้างจริยธรรมเพื่อให้คนอื่นต้องปฏิบัติ แต่พวกตนเองไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามจริยธรรมนั้น

บางทีคนพวกนี้เจอคนแบบนายชูวิทย์ บ้างก็ดีเหมือนกัน พวกที่ซ้อนอยู่ภายใต้หน้ากากจริยธรรม ต้องเจอกับอันธพาล ปากตรงกับใจอย่างนายชูวิทย์ มันอาจเป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสม

ผมไม่ได้มีสิทธิ์เลือกตั้งใน กทม. แต่อย่างใด แต่ในส่วนตัวของผม ผมก็เชียร์ เบอร์ 10 คุณประภัสร์ จงสงวน ตามหลักการของพรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค

แต่กรณีของคุณชูวิทย์ ที่ชกหน้านักข่าว ก็สร้างความสะใจให้ประชาชนจำนวนมาก เขาทำให้สิ่งที่ "จิตใต้สำนึกของประชาชน" อีกจำนวนมากอยากทำ แต่ไม่มีความกล้าพอ

ผมไม่สนใจคำประณามของ สมาคมผู้สื่อข่าว ที่ปกป้องพวกกันเองตลอดเวลา ตอนนี้คำประณามของสมาคมผู้สื่อข่าว มันก็เป็นเพียงแค่กระดาษเปื้อนหมึกเท่านั้น

เมื่อไม่มีใจที่เป็นธรรม การประณามคนอื่นมันก็ไร้ความหมายสิ้นเชิง

ที่ผมเบื่อที่สุดคือ "พวกที่สวมหน้ากากแห่งจริยธรรม" ทั้งหลาย เช่นพวก ป. สี่เสา นักวิชาการจอมปลอม พวกผู้ดีไฮโซ สูงศักดิ์ทั้งหลาย (ผมรวมหมดทุกคนแต่ผมกลัว Lese Majestic)

พวกนี้สร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง ภายใต้หน้ากากจริยธรรม ไม่รู้จักจบจักสิ้น แต่จิตใจ ทำร้ายคนอื่นตลอดเวลา

เรื่องการที่คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ชกผู้สื่อข่าวนี้สำหรับผมถือว่าชูวิทย์ ผิดเต็มประตูนะครับ ดังนั้น ก็ไปมอบตัวเสียค่าปรับให้เรียบร้อย ปฏิบัติตามกฎหมายเสีย อย่าให้เหมือนพวกพันธมิตร ที่ไม่ยอมทำตามกฎหมาย

ส่วนเรื่องนักข่าว พิธีกร สมควรโดนชกหรือไม่นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง คนเราหากเป็นคนดี มีธรรม มีจริยธรรมสูงส่งจริง ก็คงไม่มีใครบันดารโทสะ ชกเอาซึ่งหน้าหรอกครับ จะมาอ้างตัวว่ามีการศึกษา ไม่ป่าเถื่อนคงไม่ได้ เพราะการทำร้ายคนอื่นด้วยวาจา มันก็คือ วีทุจริตเหมือนกัน เป็นการทำร้ายและเบียดเบียนผู้อื่นเหมือนกัน ดังนั้น เมื่อทำกรรม ก็ย่อมได้รับผลกรรมที่ทำไว้นั่นแหละครับ แม้ไม่ได้ทำกรรมด้วย กายกรรม แต่วจีกรรม มันก็ร้ายแรงพอๆ กัน

จาก thaifreenews

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker