บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

การเลือกตั้ง สก./สข. คนเสื้อแดงยังรักษาฐานได้อย่างเหนียวแน่น No Vote เป็นแสน หมายถึงอะไร ?

ที่มา thaifreenews



บทความโดย...ลูกชาวนาไทย

ผม ไม่ได้เขียนบทความมานาน หลังจากมีการปราบนองเลือกที่ราชประสงค์ที่เรียกว่า “พฤษภาอำมหิต” มีการฆ่าประชาชนโชว์ให้ชาวโลกและชาวไทยเห็นถึงความอำมหิตของคนบางคน

ก็จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ จะลบ จะบิดเบือนยังไงมันก็คงได้ชั่วคราว แต่ความจริงที่มีคนสัมผัสจำนวนหลายล้าน มันไม่หายไปไหนอย่างแน่นอน

ก็ประเดิมบทความแรกเลยนะครับ หลังพฤษภาอำมหิต เรื่องการเลือกตั้ง สก./สข. กทม.ครับ

หลังจากวันเลือกตั้ง สก./สข. เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม 2553 ทราบ ข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์กวาดที่นั่งไปจำนวนมาก พรรคเพื่อไทยได้สิบกว่าที่นั่งเท่านั้น ทำให้รู้สึกหดเหี่ยวพอสมควร คิดในใจว่า อะไรกัน เราแพ้อีกแล้วหรือ คนเสื้อแดงแพ้อีกแล้วหรือ แม่ปังคุงที่ออกไปลงคะแนนในวันนั้นแต่เช้า ถึงกับบ่นออกมาดังๆ ว่าคนเสื้อแดงหายไปไหนหมด เราแพ้อีกแล้ว

แต่วันนี้ผมได้ผลรวมคะแนนของ การเลือกตั้ง สก./สข. จากพรรคเพื่อไทยมา ทำให้ผมใจชื้นขึ้นอักโข ว่าเราไม่ได้แพ้ คนเสื้อแดงออกไปใช้สิทธิ์เต็มที่ ไม่ได้นิ่งเฉย แต่กำลังเราใน กทม. มีแค่นี้ เราระดมพลเต็มอัตราศึกแล้ว คะแนวเราไม่ได้ลดลง

ผลการเลือกตั้งเป็นดังนี้ครับ (คะแนนรวมเฉพาะ สก.)

พรรค ประชาธิปัตย์ได้คะแนนรวม 77,0000 คะแนน คิดเป็น ร้อยละ 51 จำนวน สก. 45 คน

พรรคเพื่อไทยได้คะแนนรวม 600,000 คะแนน คิดเป็น ร้อยละ 39 จำนวน สก. 15 คน

พรรคการเมืองใหม่ได้คะแนนรวม 100,000 คะแนน คิดเป็น ร้อยละ 6 ไม่ได้ สก.

ผู้สมัครอิสระ 40,000 คะแนน คิดเป็น ร้อยละ 2.6 จำนวน สก. 1 คน

จำนวนผู้มิสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด 4,139,075 คน มาใช้สิทธิลงคะแนน 1,702,845 คน คิดเป็นร้อยละ 41.14 มี No Vote จำนวน 105,061 คน คิดเป็นร้อยละ 6.17

นี่ไม่นับการโกง ที่มีข่าวกันนะครับ

หากเทียบกับการเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม. ครั้งที่ผ่านมา ที่ สุขุมพันธ์ สู้กับคุณยุรนันท์ ปี 2552

ผลคะแนน มรว.สุขุมพันธ์ ได้ 934,602 คะแนน ส่วนยุรนันท์ได้ 611,669 คะแนน

ผลการเลือก สก.ครั้งนี้ ปชป. คะแนนลดลงไป ถึง 164,602 คะแนน

แต่ผู้มาใช้สิทธิ์น้อยกว่าตอนเลือกตั้งผู้ว่า เราจึงยังประเมินไม่ได้ว่า หากผู้มาใช้สิทธิ์ 60 % เหมือนก่อนๆ พรรคเพื่อไทย จะได้คะแนนเพิ่มจากนี้หรือไม่ จำนวนที่ได้มา 6 แสนคะแนน แสดงว่าคนเสื้อแดงได้ระดมกำลังแบบเต็มที่แล้ว แต่การเลือกตั้งเป็นระบบ One man One vote ใครชนะในเขตไหน แม้จะชนะ 1 คะแนน ก็ถือว่าชนะไป ส่วนคนที่แพ้ ก็ไม่ได้ไม่มีคะแนน แต่คะแนนน้อยกว่าเท่านั้น

หากเป็นระบบเลือกตั้งแบบ "สัดส่วน" ที่คิดตามสัดส่วนผู้มาลงคะแนน เหมือนระบบปาตี้ลิสต์ พรรคเพื่อไทยก็จะได้มากกว่านี้

ส่วน พรรคการเมืองใหม่ แม้ไม่ได้ที่นั่ง สก. แต่จำนวนคะแนนที่ได้ถึง 100,000 คะแนน ก็ไม่นับว่าน้อยนะครับ น่ากลัวทีเดียว ฐานคะแนน เหมือนกับที่ นายแก้วสรร อติโพธิ เคยได้ตอนเลือกตั้งผู้ว่า กทม.

คนของพรรคเพื่อไทยบอกว่า พรรคคการเมืองใหม่ ได้คะแนนจากเขตกลางกรุงย่านคนจีนอยู่เป็นกอบเป็นกำ ก็คงเป็นพวกสาวก ASTV นั่นเอง

ผลการเลือกตั้ง หากดูจากคะแนนดิบที่ได้ แสดงว่าคนเสื้อแดง ไม่ได้หายไปไหน เราระดมพลออกไปเลือกตั้งกันอย่างเต็มที่แล้ว แต่จำนวน พวก "อนุรักษ์นิยม" ใน กทม.มี มากกว่าพวกหัวก้าวหน้าอย่างคนเสื้อแดง ทำให้เราได้ที่นั่งประมาณนี้ จึงไม่น่าประหลาดใจ หรือท้อถอยแต่อย่างใด หากได้สักสี่แสนคะแนน นั่นซิถึงทำให้คิดได้ว่าเราแพ้แล้ว และถดถอยแล้วอย่างแท้จริง

ผลคะแนนดิบ เราจะเห็นว่า "ความเป็นสี" ยังไม่ได้จางหายไปไหนนะครับ คะแนนแบ่งฝ่ายกันชัดเจน

หากใช้ระบบสัดส่วน พรรคเพื่อไทยจะได้ที่นั่ง สก.เพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นอะไร ประเด็นอยู่ที่ คะแนนดิบที่ได้

ที่ว่าคนเสื้อแดงแพ้ขาดใน กทม. ก็ไม่จริง เพียงแต่เรา "หาคะแนนเพิ่มไม่ได้เท่านั้น"

ผมเชื่อว่าคนเสื้อแดง จะไม่เปลี่ยนไปเลือกพรรคอื่น และพวก ปชป. ก็คงไม่เปลี่ยนมาเลือกพรรคเสื้อแดง

ดังนั้นคะแนนสองกลุ่มนี้จึงไม่ใช่คะแนน สวิง แกว่งไปมาแต่อย่างใด ค่อนข้างมี Royalty พอสมควร พวก ปชป. ที่หายไป 160,000 คะแนน ก็ไม่ได้มาเพิ่มคะแนนให้พรรคเพื่อไทย แต่อาจไม่ได้ออกมาใช้สิทธิ์ (ผู้ใช้สิทธิ์น้อยกว่าครั้งเลือกผู้ว่าฯ) หรือ No Vote แต่ไม่ได้เทคะแนนให้พรรคการเมืองใหม่แต่อย่างใด

แต่คง "วางเฉย" อาจตาสว่าง หรือลังเล แต่ไม่ได้ไม่รู้สึกรู้สากับคนที่โดนฆ่า ไปเกือบร้อยศพ แต่คงยังทำใจมาสับสนุนเสื้อแดงไม่ได้ ฯลฯ

ผม เชื่อว่า คะแนนทั้งประเทศก็คงไม่ต่างกัน แดงยังเป็นแดง เหลืองก็ยังเป็นเหลือง ไม่ว่าใครจะทำอย่างไร โปรประกันดาอย่างไร ก็ไม่มีผลต่อการย้ายข้าง

เท่าที่ฟังการแลกเปลี่ยนกันมา การที่ สส.พรรคเพื่อไทยโดนดูดไป 4 คน ก็เป็นรอบๆ ในภาคกลาง ไม่ได้เป็นฐานเสียงที่หนาแน่นในภาคอีสานแหละภาคเหนือ

ที่จริงพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงก็ไม่ได้ "เข็มแข็ง" มากมายนักในภาคกลางรอบๆ กทม ยังไม่แดงทั้งภาค เป็นแค่สีชมพูอ่อนๆ เท่านั้น พรรคภูมิใจไทยจึงเจาะเอารอบๆ นี้

ฐานเสียงคนเสื้อแดง ทั้งประเทศยังหนาแน่น ความเป็นเสื้อแดงยังไม่ได้จางลงไปแต่อย่างใด

แต่สงครามไม่ได้อยู่ที่การเลือกตั้งเท่านั้น ยังมีแนวรบอื่นอีก

อาจไม่มีการเลือกตั้ง แต่ยิ่งไม่มีการเลือกตั้ง พวกเขายิ่งเดินในเส้นทางหายนะ

ผม ไม่เชื่อว่า อีกสิบปี ร้อยปีจะไม่มีการเลือกตั้งตลอดไป แต่เมื่อใดที่มีการเลือกตั้งแล้ว "หมายถึงเกิดปฎิวัติประชาชน" ล้มระบบการเมืองเดิมไปแล้ว

นั่นนับเวลาจบของอำนาจเก่า นับกันเป็นปี ไม่ใช่เป็นทศวรรษ หรือศตวรรษ

เราลองมาวิเคราะห์พวก Novote จำนวนถึง 105,061 คน คิดเป็นร้อยละ 6.17 นับว่าเป็นจำนวนที่มาก พอๆ กับคะแนนพรรคการเมืองใหม่ เป็นจำนวนที่มากจนน่าจะมีนัยสำคัญทางการเมือง เป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง และเป็นกระแสในใจคน กทม. ปกติการเลือกตั้งท้องถิ่น ไม่น่าจะมี No Vote มาก หากไม่อยากเลือกใคร ก็ไม่ไปใช้สิทธิ์เสียดีกว่า แต่ผมคิดว่าเขาต้องการแสดงออกอะไรบางอย่าง

จำนวนคน No vote เป็นแสน ก็น่าคิดสำหรับฝ่ายอำมาตย์นะครับ

หากดูในภาพรวม พรรคเพื่อไทยได้ 6 แสนคะแนน และผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งออกมาน้อยกว่าตอนเลือกตั้งผู้ว่าฯ

แสดง ว่าคนเสื้อแดงใน กทม. ออกมาเต็มที่แล้ว ไม่ได้นอนหลับทับสิทธิ์ แต่อย่างใด หรืออาจมีบางส่วนยังไม่ได้ออกมา ก็แสดงว่า 6 แสนคะแนน ต้องมีคนใหม่เข้ามาร่วมโหวตให้เพื่อไทยด้วย

หากเป็นกรณีหลังแสดงว่า "คนเสื้อแดงใน กทม.เพิ่มขึ้น" แต่คงไม่มากนัก

ดังนั้น หากเราลองคิดเล่นๆ ว่า คะแนน ปชป. หายไปเกือบสองแสนคะแนน

ส่วนคะแนนพรรคการเมืองใหม่ คงเป็นคะแนนที่เลือก นายแก้วสรร อติโพธิเดิม

ผมคิดว่าที่ No Vote คือ คนที่เคยเลือกพรรค ปชป. กับเลือก ปลื้ม นั่นเอง ในตอนเลือกผู้ว่า กทม. ไม่ใช่คนเสื้อแดง

ผมคิดว่าคนพวกนี้ยังไม่พร้อมจะเป็นเสื้อแดงมาลงคะแนนให้เพื่อไทย แต่อาจ "รับไม่ได้กับพรรคประชาธิปัตย์" จากสถานการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา และได้รู้ความจริงอะไรบางส่วน

แต่อยู่ในภาวะ "งงงวย" ไม่อยากเลือกข้างหรือย้ายข้าง ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร อยู่ในภาวะสบสน

"งง"

พวกนี้แหละครับ ที่กำลังอยู่ใน "ภาวะเปลี่ยนแปลง”

เป็นพวกที่เราควรไปทำงานการเมือง ให้ข้อมูล เพื่อให้เขาตัดสินใจในที่สุด

ผมว่าคนกลุ่มนี้ "ได้รับความจริง" แล้ว จากที่เคยเป็นกลาง หรือเป็นพวกเสื้อเหลืองมาก่อน แต่ "รู้ความจริงว่าอะไรเป็นอะไร"

แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจมาเป็นคนเสื้อแดง

หากเราขยาย "กรอบการวิเคราะห์" ออกไปทั้งประเทศ

ผมว่ามีคนแบบพวก No Vote ที่ "หายจากการเป็นซอมบี้" อีกเยอะนะครับ

ในประเทศหนึ่งๆ นั้นคนที่อนุรักษ์นิยมที่สุดนั้นคือ คนในเมืองหลวงครับ เพราะได้ประโยชน์จากระบบการเมืองเดิม ทำให้ไม่อยากเปลี่ยนแปลง

หากคนเมืองหลวงมีอัตราหายจากการเป็น "ซอมบี้" (หลุดจากภาวะซาบซึ้ง) จำนวนขนาดนี้ ทั้งประเทศ ก็จะมีมากกว่านี้ และน่าจะมีเปอร์เซนต์สูงกว่าใน กทม.ครับ

หายจากซอมบี้ แต่ยังไม่ได้กลายเป็นเสื้อแดง

ต้องทำงานด้านการเมืองและด้านความคิดอีกระยะหนึ่ง

ให้พวกเขา "แค้นที่ถูกหลอกลวง" มานาน แล้วพวกนี้จะกลายเป็นเสื้อแดงแบบสุดๆ ในที่สุด ให้พวกเขาหายจากภาวะอกหักเสียก่อน การตอบโต้จึงจะมาถึง

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker