“วันที่เราไม่อยากเจอที่สุด คือวันที่เราผู้ยังอยู่ต้องมาร่วมกันยืนห้อมล้อมดูผู้จากไปจากการต่อสู้ เราไม่อยากยืนส่งดวงวิญญาณและเรียกเขาว่าวีรชน หัวใจเขาก็เหมือนเราที่ไม่ได้ต้องการเป็นวีรบุรุษ แต่ต้องการแค่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์เท่านั้น ผู้มีอำนาจให้สิ่งนั้นไม่ได้แต่กลับหยิบยื่นความตายให้เรา” ณัฐวุฒิกล่าวไว้อาลัย
3 เม.ย.54 ที่วัดสีกัน (พุทธสถาน) ดอนเมือง มีการจัดงานฌาปนกิจศพนายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ หรือโบ๊ท ซึ่งเสียชีวิตที่สี่แยกคอกวัวในวันที่ 10 เม.ย.53 ขณะทหารเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยครอบครัวของเทิดศักดิ์เก็บรักษาศพไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ภายในงานมีคนเสื้อแดงไปร่วมงานอย่างล้นหลาม รวมถึงแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ร่วมงานหลายคน อาทิ ธิดา ถาวรเศรษฐ์, เหวง โตจิราการ, สุพร อัตถาวงศ์, ไวพจน์ อาภรรัตน์, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, จตุพร พรหมพันธ์, วิภูแถลง พัฒนภูมิไทย ฯ รวมทั้ง สมชาย วงศ์สวัสดิ์, อรรถพร อนันตเมฆ
เวลาประมาณ 14.30 น. ก่อนจะมีการประชุมเพลิง แกนนำบางส่วนได้ขึ้นกล่าวไว้อาลัย นายจตุพร พรหมพันธ์ กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของเทิดศักดิ์ ทุกคนที่รักประชาธิปไตยต่างเป็นหนี้ครอบครัวนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราผ่านความเจ็บป่วด และเมื่อเห็นฆาตรกรออกมาอย่างไม่รู้สำนึกต่อสิ่งที่กระทำ เป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะทวงความยุติธรรมให้กับเทิดศักดิ์และทุกชีวิตที่สูญเสีย ไม่ว่าฆาตกรคนนั้นจะเป็นใคร ยิ่งใหญ่เพียงไหน แต่เขาต้องรับโทษทัณฑ์ตามกฎหมาย แม้กฎหมายไม่สามารถเอาผิดเขาได้ แต่อย่างไรก็จะหนีไม่พ้นกฎแห่งกรรม ความตายของเทิดศักดิ์จะไม่สูญเปล่า เราจะต้องเยียวยาหัวใจของกันและกัน และจะต้องสานต่อเจตนารมณ์ของผู้เสียชีวิตจนกว่าประเทศนี้จะเป็นประชาธิปไตย มีความยุติธรรม
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวว่า เราร่วมต่อสู้กันมาตั้งแต่หลังปี 2549 สิ่งที่เราอยากเห็นมากที่สุดคือ ให้บ้านเมืองนี้เป็นประชาธิปไตย สิ่งที่เราอยากเดินไปถึงที่สุดคือ ผืนแผ่นดินนี้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง และวันที่เราไม่อยากเจอที่สุด คือวันที่เราผู้ยังอยู่ต้องมาร่วมกันยืนห้อมล้อมดูผู้จากไปจากการต่อสู้ เราไม่อยากยืนส่งดวงวิญญาณและเรียกเขาว่าวีรชน หัวใจเขาก็เหมือนเราที่ไม่ได้ต้องการเป็นวีรบุรุษ แต่ต้องการแค่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์เท่านั้น ผู้มีอำนาจให้สิ่งนั้นไม่ได้แต่กลับหยิบยื่นความตายให้เรา เพียงเพราะต้องการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ ผู้ต้องรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมในครั้งนี้คือผู้ลงมือ ผู้สั่งการ และผู้อยู่เบื้องหลัง เราไม่คาดคิดว่าผู้มีอำนาจจะอำมหิตถึงเพียงนั้น ไม่คาดคิดไม่ใช่เพราะรู้ไม่ทัน แต่ไม่คาดคิดเพราะที่ผ่านมาเรารักเขามากเกินไป ความรักทำให้คนตาบอด แต่ความตายทำให้คนตาสว่าง แล้วจะไม่มีวันหลงลืมความตายของประชาชน ไม่มีวันลืมความสูญเสียของผู้บริสุทธิ์ ตรงกันข้าม เราจะลืมตามองไปทุกมุมมืดเพื่อดูใครก็ตามที่ซ่อนตัวอยู่ให้เขารู้ว่าเรารู้แล้ว ตาสว่างแล้วทั้งแผ่นดิน
จากนั้นในเวลา 17.00 น. จึงเปิดให้ประชาชนเข้าทยอยวางดอกไม้จันทน์ และฌาปณกิจศพในท้ายที่สุด
ทั้งนี้ เหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 มีผู้เสียชีวิต 26 ราย
เป็นเจ้าหน้าที่ทหาร 5 รายได้แก่
1)พลฯภูริวัฒน์ ประพันธ์2) ส.ท.อนุพงษ์ เมืองอำพัน 3) พลฯสิงหา อ่อนทรง 4) พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม
5) สิบเอกอนุพล หอมมาลี
เป็นพลเรือน 21 ราย ได้แก่
1)นายอำพน ตติยรัตน์ ถูกยิงด้านหลังศีรษะ ทะลุด้านหน้า2)นายยุทธนา ทองเจริญพูลพร ถูกยิงจากด้านหลังศีรษะทะลุด้านหน้า3)นายไพรศล ทิพย์ลม ถูกยิงจากด้านหน้าศีรษะทะลุท้ายทอย4)นายสวาท วางาม ถูกยิงจากด้านหลังศีรษะทะลุด้านหน้า5) Mr.Hiroyuri Muramoto ถูกยิงหน้าอก6)นายธวัฒนะชัย กลัดสุข ถูกยิงหน้าอก 7)นายทศชัย เมฆงามฟ้า ถูกยิงทะลุหัวใจ 8)นายจรูญ ฉายแม้น ถูกยิงอก 9)นายวสันต์ ภู่ทอง ถูกยิงจากด้านหลังศีรษะทะลุด้านหน้า10)นายสยาม วัฒนนุกุล ถูกยิงอก 11)นายคะนึง ฉัตรเท ถูกยิง 12) นายเกรียงไกร คำน้อย ถูกยิงสะโพก 13) นายบุญธรรม ทองผุย ถูกยิง 14) นายสมศักดิ์ แก้วสาน ถูกยิง 15) นายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ ถูกยิงที่หน้าอก 16) นายบุญจันทร์ ไหมประเสริฐ ถูกยงที่หัวเหน่า 17) นายนภพล เผ่าพนัส ถูกยิงที่ท้อง 18)นายสมิง แตงเพชร ถูกยิงที่ศีรษะ 19)นายมนต์ชัย แซ่จอง ระบบการหายใจล้มเหลว 20)นายมานะ อาจราญ ถูกยิงที่ศีรษะที่สวนสัตว์ดุสิต 21) นายอนันต์ สิริกุลวาณิชย์ ถูกยิง