โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
26 เมษายน 2554
ีupdate เป็นระยะๆๆ สำหรับการแจ้งข่าวด่วนทางหน้าเฟสบุ๊ค
ด่วนอีกครั้ง!! บ่าย 2 นี้สถานีวิทยุ ชุมชน 7 แห่งตำรวจจะเข้ากระจายข่าวด่วน!!!!!!!!!!!!!
ขอความร่วมมือพ่อแม่พี่น้องกระจายด่วน
เก็บเอกสาร ซีดี ฮาดดิส ที่หมิ่นเหม่ทั้งหมด!!!
โชคชัย 4 แยก 3 อาคารพานิชหลังโรงหนังเก่า บ่าย 2
สายไหม 19
ร้านสมุนไพร ชัยมงคลโคกคาม
หมู่บ้านเฟรชิบ 13 ถนนประเสริฐมนูญกิจ
วัดวิมุด จรัญ 98
อาคารวังหินเพลส ลาดพร้าววังหิน 79
ไทย เฟรนชิบเฮ้า ลาดพร้าว 18ด่วนสถานีคลอง4ลำลูกกาโดนปิดแล้วโดยDSI แหลงข่าวเชื่อถือได้100% ตอนนี้ คลอง4 , คลอง2ลำลูกกา , สมุดปราการ ปิดแล้ว
ประกาศกระจายข่าวให้เตียมตัวมาอิมพิเรียนถ้าสัญญาณดับหรือเฝ้าระวังอย่าให้จอหายครับจอหามาทันที่นะครับ
...อยากประกาศขอมวลชนมาที่สถานี asia update ด่วนที่สุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อยากประกาศขอมวลชนมาที่สถานีวิทยุชุมชน คลอง4 ด่วนที่สุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อยากประกาศขอมวลชนมาที่สถานี วิทยุชุมชน บ้านเรือนไทย ด่วนที่สุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อยากประกาศขอมวลชนมาที่สถานี สมุดปราการ ด่วนที่สุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
//แหล่งข่าว.
วีระชัย อรินใจ ประธานกลุ่มมหาลัยสีแดง ทำงานประจำอยู่ที่ asia update.
ด่วน! ขณะนี้มีการพยายามยึดสถานีวิทยุเสื้อแดง และยึดได้ไปหลายสถานีแล้ว ตอนนี้มีความพยายามจากฝ่ายอันธพาลอย่างหนักที่จะยึดอิมพีเรียลลาดพร้าวไว้ แต่พวกเราได้ตรึงกำลังอยู่ อีกสถานีคือสถานีวิทยุแถวตลาดวงศกร กำลังชิงดำกันอยู่ หากพ่อแม่พี่น้องท่านใดอยู่ใกล้สถานีวิทยุเสื้อแดง จุดใด ขอกำลังช่วยปกป้องและโปรดระวังตัวด้วยครับ สงครามเริ่มขึ้นแล้ว
ประชาไท รายงาน
เมื่อเวลาประมาณ 13.00น. ช่องเอเชียอัพเดท เผยแพร่ตัววิ่ง ระบุว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าตรวจค้นสถานีวิทยุชุมชนเสื้อแดง 13 แห่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล อาทิ วิทยุชุมชนสื่อบ้านเรือนไทย ลำลูกกา คลอง3 คลื่น 105.40 วิทยุชุมชนคนลำลูกกา คลอง4 คลื่น 96.35 คลื่นวิทยุชุมชนเพื่อประชาธิปไตย สำโรง คลื่น 97.25 โดยระบุว่า ขอกำลังไปช่วยปกป้องวิทยุชุมชนดังกล่าว
จากการโทรศัพท์สัมภาษณ์ นายพลท เฉลิมแสน หนึ่งในทีมดูแลสถานีวิทยุชุมชนย่านลำลูกกา คลื่น 105.40 ระบุว่า มีกำลังเจ้าหน้าที่ประมาณ 20-30 นายจากดีเอสไอ กสทช. กองปราบฯ สน.คูคต เข้ามาที่สำนักงานเมื่อเวลาประมาณ 12.00น. พร้อมหมายศาล โดยเข้ายึดเครื่องส่ง ไมโครโฟน คอมพิวเตอร์ มิกเซอร์และตัวแปลงสัญญาณของสถานี ไปไว้ที่ สน.คตตู
นายพลท กล่าวว่า สำหรับสถานีวิทยุชุมชน 105.40 เคยเปิดทำการมาช่วงหนึ่ง และปิดซ่อมไป ก่อนจะกลับมาเปิดอีกครั้งเมื่อประมาณหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ไม่มีผังรายการที่ชัดเจน
นายพลท แสดงความกังวลว่า การบุกสถานีวิทยุชุมชนเสื้อแดง 13 แห่งในครั้งนี้ อาจเป็นสัญญาณการยึดอำนาจ โดยเริ่มจากการปิดสื่อเสื้อแดงก่อน
ทั้งนี้ เบื้องต้นทราบว่ามีการแจ้งข้อหา มีเครื่องมือสื่อสารและตั้งสถานีโดยไม่ได้รับอนุญาต
รุ่งโรจน์ วรรณศูทร ฝากอ่านด่วน
นักรบข้อมูลข่าวสาร : รุกไปข้างหน้าอย่างสูญเสียให้น้อยที่สุด
โพสต์ครั้งแรก 3 พฤศจิกายน 2009, 08:20:13
http://www.newskythailand.us/board/index.php?topic=8362.msg26141#msg26141
http://arinwan.redthai.org/index.php?topic=124.0
ขอแสดงความเห็นในประเด็นที่พวกอำมาตย์-อภิชน ตั้งธงไว้ว่าล่อแหลม หรือจำพวกเป็นภัยต่อความมั่นคง โดยมีแนวโน้มไปสู่การกวาดล้าง-จับกุมหรือเชือดไก่ให้ลิงดูด้วยการคุกคาม-จับกุมเป็นรายๆไป
ย้อนไปในช่วงการเคลื่อนไหวประชาชาติ-ประชาธิปไตย ก่อน 14 ตุลา 2516 ในยุคที่โลกเรายังหาได้อยู่ในยุคไร้พรมแดนเช่นปัจจุบัน
จำได้ว่า ช่วงก่อน 14 ตุลาฯ นั้น การพูดคุยเรื่องการเมืองทั่วไป หรือการที่นิสิตนักศึกษา เดินเข้าไปหานักเคลื่อนไหวในอดีตบางคนที่หลงเหลือมาจากยุคเผด็จการเข้มข้น เพื่อพูดคุยถึงเรื่องราวการต่อสู้ในอดีต ที่คนรุ่นเรา (ในสัมยนั้น) ยังรับรู้ไปไม่ถึง หรือการค้นคว้าเอกสาร-หนังสือ-สิ่งตีพิมพ์ จะผิดกฎหมายไปเต็มๆ หรือแค่ล่อแหลม ก็ดี คนรุ่นนั้นตกอยู่ในภาวะระมัดระวังจนตัวลีบ
ถัดมาในช่วงประชาธิปไตยเบ่งบานหลัง 14 ตุลาฯ การนำเสนอในเรื่องราวทำนองเดียวกันนั้น เริ่มมีโอกาสมากขึ้น โดยที่กฎหมายเปิดโอกาสสำหรับเสรีภาพค่อนข้างสูงกว่าช่วงก่อนหน้านั้น ส่วนหนึ่งก็ด้วย "รัฐธรรมนูญ 2517" และอีกส่วนหนึ่งขึ้นต่อภาวะกระแสสูงของการเคลื่อนไหว ทำให้คนรุ่นนั้นกล้าที่จะแสดงความเห็น ทั้งโดยการพูดและโดยการเขียนมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า ก็โดยเหตุที่อาศัยสภาพการณ์ที่มีลักษณะค่อนข้างจะเปิดกว้างนั้นเอง ที่นำไปสู่การตื่นตระหนกของฝ่ายปฏิปักษ์ประชาธิปไตย ที่มีองค์ประกอบ 3 ส่วน คือ อำมาตย์-อภิชน-ขุนศึกฟาสซิสต์ และในที่สุดนำไปสู่กรณีล้อมสังหาร 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งเป็นฉากเลวร้ายฉากหนึ่งในประวัติอารยธรรมของมนุษยชาติ
โดย ข้อเท็จจริง ความเร่าร้อนเอาการเอางานของนักเรียน-นิสิต-นักศึกษา ที่ตื่นตัวมีส่วนร่วมทางการเมืองทั้งโดยตรงและโดยอ้อมในช่วงรอยต่อ 14 ตุลาฯ กับช่วงประชาธิปไตยเบ่งบานในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะเน้นไปที่กรรมกร-ชาวนา เนื่องจากเป็นทิศทางของขบวนนักศึกษาที่ถือว่าก้าวหน้าทางการเมืองที่สุดในเวลานั้น ก่อให้เกิดการค้นคว้าข้อมูลที่ไม่เคยรู้ ปรัชญาและทฤษฎีการเมืองที่ถูกนำไปซุกแอบไว้ และอื่นๆในทำนองเดียวกัน
สิ่งพิมพ์และเอกสารใต้ดินจำนวน มากจึงถูกผลิตขึ้น ที่จำกัดวงที่สุดที่เอาการพิมพ์ดีดด้วยกระดาษจดหมายอากาศ (airmail) ที่จัดทำขึ้นได้คราวละไม่เกิน 5-6 สำเนา ทำเป็นรูปเล่มขนาดพ็อคเก็ตบุ๊ค; ถัดมาก็ด้วยกรรมวิธีโรเนียวและเก็บเล่ม ซึ่งจะได้จำนวนมากขึ้น เหมาะสำหรับใช้ในการเผยแพร่ในกลุ่มขนาดใหญ่ขึ้นเช่นในโรงงานอุตสาหกรรม หรือที่พักรวมของผู้ใช้แรงงานในเขตอุตสาหกรรมชานเมืองจังหวัดปริมณฑลของ กรุงเทพฯ; ส่วนลำดับสุดท้ายจัดพิมพ์เป็นรูปเล่มหนังสือใต้ดิน คือไม่แจ้งชื่อ-ที่อยู่ผู้พิมพ์ผู้โฆษณาตาม พรบ.การพิมพ์ บางคราวบางปก อาจจะมียอดสูง 2 ถึง 3,000 เล่มทีเดียว และหนังสือประเภทนี้ ถูกนำไปคุมขังด้วยคำสั่งกระทรวงมหาดไทยในปี 2520 ที่ห้ามมีไว้ในครอบครอง นั่นเอง
ในประเทศที่เสรีภาพเป็นเพียงเป้าหมาย ความระมัดระวังไม่ไปละเมิดสิ่งที่ยอมรับกันแพร่หลายแล้วว่าเป็น "กฎโจร" นั้น ควรยึดถือเป็นหลักปฏิบัติอย่างเคร่งครัด สำหรับประชาชนผู้รักประชาธิปไตยและรักความเป็นธรรม ที่มีบทบาทเคลื่อนไหวเป็นกองหน้าอยู่ในขอบเขตปริมณฑลต่างๆ แม้แต่ในโลกไซเบอร์ การหลีกเลี่ยงความสูญเสียบุคลากรที่มีคุณค่า มีความหาญกล้าเหล่านั้น ถือเป็นภารกิจสำคัญที่ควรยึดถือเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนโลกแห่งข้อมูล ข่าวสารไปสู่พี่น้องประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยอันไพศาล
ตราบใดที่กระบวนการสืบสวน-สอบสวนในปัจจุบันยังใช้ระบบ "กล่าวหา" หรือ ระบบ "ผู้ถูกกล่าวหามีความผิด จนกว่าจะมีข้อพิสูจน์มาหักล้างว่าไม่ได้ทำความผิด" ซึ่งแตกต่างอย่างตรงกันข้ามกับระบบที่ใช่ในอารยะประเทศสมัยใหม่ทั้งหลาย ซึ่งเลือกที่จะใช้ระบบ "รวบรวมพยานหลักฐาน" เพื่อนำตัวผู้ต้องหาหรือจำเลย เข้าสู่การพิจารณากระบวนในกระบวนการยุติธรรมที่ "ผู้ถูกกล่าวเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีข้อพิสูจน์มาหักล้างว่าทำความผิด"
ตราบนั้น อันตรายของ "กระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน" ก็จะยังคงเป็นอันตรายคุกคามการเคลื่อนไหวเพื่อ "สร้างประชาธิปไตยสมบูรณ์ สร้างรัฐธรรมนูญประชาชน" อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้.