ทิ้งหมัดเข้ามุม
มันฯ มือเสือ
นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ได้ฤกษ์เดินทางด้วยเที่ยวบินพิเศษกองทัพบก ไปเยี่ยมเยียนชาวบ้านผู้ประสบภัยนครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี พื้นที่ศูนย์กลางน้ำท่วมใหญ่
ระหว่างเจ้าหน้าที่ห้อมล้อมประคองแขนนายกฯ เข้าไปในพื้นที่ ม.10 ต.เทพราช อ.สิชล จ.นครศรีธรรม ราช
ปรากฏคุณป้าคนหนึ่ง อายุ 53 ปี ฝ่าวงล้อมเข้ามา
"ป้า ขออนุญาตมอบแหวนไอ้ไข่ให้นายกฯ ป้าบนบานเอาไว้ตอนน้ำท่วมใหม่ๆ ว่าขอให้ไอ้ไข่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนสิชลนับถือ ดลบันดาลให้นายกฯ ลงมาช่วยเหลือ"
"วันนี้คำบนบานเป็นจริง นายกฯ ลงมาช่วยเหลือแล้ว จึงขอมอบแหวนไอ้ไข่ให้นายกฯ"
พูดจบคุณป้าก็สวมแหวนที่นิ้วนายกฯ แล้วร่ำไห้ด้วยความดีใจ
ตามข่าว เข้าใจว่าคุณป้าเจ้าของแหวนคงแสดงออกจากใจจริง ที่ได้เห็นนายกฯ ตัวเป็นๆ ลงมาเดินย่ำน้ำ
แต่ภาพสะท้อนอีกมุมหนึ่งก็น่าสนใจ
การลงพื้นที่เยี่ยมเยียนช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับเดือดร้อนไม่ว่าจากปัญหาใดก็ตาม แทนที่จะเป็นหน้าที่ปกติของผู้นำประเทศ
กลับกลายเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องบนบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
แต่ก็อีกนั่นแหละ บางคนบอกว่ากรณีคุณป้ามอบแหวนไอ้ไข่ ถ้ากับนายกฯ คนอื่นคงเป็นเรื่องแปลก แต่กับนายกฯอภิสิทธิ์ ถือเป็นเรื่องธรรมดา
อย่าง ล่าสุดกรณีทหารไทย-กัมพูชาปะทะกันบริเวณชายแดนสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ จนต้องอพยพชาวบ้านนับหมื่นออกจากรัศมีปืนใหญ่ มากินนอนกันในศูนย์อพยพ
คราวนี้นายกฯ ก็ฉับไวเหมือนเดิม
ทหาร 2 ฝ่ายยิงถล่มกันเช้าวันศุกร์ พอบ่ายวันอาทิตย์ นายกฯ ก็ปักหลักอยู่ทำเนียบรัฐบาล เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ทันที
จบจากแก้ปัญหาผ่านจอ รุ่งขึ้นหลังอยู่เป็นรัฐบาลมา 2 ปีกว่า
นายกฯ ก็ขึ้นเครื่องไปยัง จ.แม่ฮ่องสอน ร่วมกิจกรรมอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้านว่าด้วยปัญหายาเสพติด นำมาซึ่งความปลาบปลื้มให้แก่ข้าราชการและชาวแม่ฮ่อง สอนอย่างยิ่ง
แต่อีกอารมณ์หนึ่งชาวบ้านจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา จะปลาบปลื้มด้วยหรือไม่
เอาเป็นว่าเลือกตั้งครั้งหน้า นายกฯอภิสิทธิ์ หาสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนบานไว้ให้ดีๆ ก็แล้วกัน