กมธ.วุฒิ สอบ92ศพ เปิดข้อมูล สไนเปอร์ 3,000นัด
แห่เยี่ยม- นางพรหมภัสสร พรหมพันธุ์ ภรรยานายจตุพร เข้าเยี่ยมสามีพร้อมคนเสื้อแดงที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังจาก กกต.ยังไม่ประกาศรับรองให้เป็นส.ส. เมื่อวันที่ 28 ก.ค. |
เมื่อ เวลา 10.00 น. วันที่ 28 ก.ค. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดงกล่าวภายหลังเข้าเยี่ยมนายจตุพร พรหมพันธุ์ ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดงที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ ว่าวันนี้พวกตนมาพบปะหารือกับนายจตุพร โดยมีฝ่ายกฎหมายร่วมหารือด้วย กรณีที่กกต.มีมติไม่รับรองการเป็นส.ส.ของนายจตุพรเมื่อวานนี้ ซึ่งได้ข้อสรุปคือ จากการพิจารณาตรวจสอบข้อกฎหมายครบถ้วนแล้ว เมื่อกกต.ประกาศรับรองนายจตุพรเป็นผู้สมัครส.ส.โดยชอบแล้ว และมีการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค.ไปแล้ว และนายจตุพรมีรายชื่อลำดับที่ 8 เป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งไปแล้ว ไม่มีช่องกฎหมายใดๆให้อำนาจกกต.แขวนค้างเอาไว้อย่างที่ดำเนินการอยู่เวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าจะส่งตีความที่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยหลักการก็จะต้องรับรองความเป็นส.ส.ไปก่อน แล้วใช้กระบวนการยื่นตีความไปยังศาลรัฐ ธรรมนูญ
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อ ว่า เราเคารพการดำเนินการของกกต.ตามอำนาจหน้าที่ ตามกรอบระยะเวลา พวกเราจะไม่เคลื่อนไหวชุมนุมเรียกร้องกดดันใดๆกับกกต.ขอได้โปรดเข้าใจตามนี้ แต่ว่าสิ่งที่เราตรวจสอบแล้วพบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมที่จะเอามาอธิบายเทียบ เคียงกับกรณีของนายจตุพรได้อย่างชัดเจนคือกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ที่เคยสังกัดพรรคต้นตระกูลไทย ภายหลังพรรคต้นตระกูลไทยถูกยุบ นายชูวิทย์ไปสมัครเลือกตั้งในนามพรรคชาติไทยขณะนั้น ซึ่งกกต.ชุดพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เป็นประธาน รับรองความเป็นส.ส.ให้นายชูวิทย์ แต่มีผู้ร้องว่านายชูวิทย์สังกัดพรรคชาติไทยไม่ถึง 90 วัน แต่กกต.ก็ไม่ได้แขวน จากนั้นส.ส.พรรคไทยรักไทยยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ที่สุดแล้วศาลมีมติถอดถอนนายชูวิทย์จากการเป็นส.ส. ซึ่งเป็นกรณีเดียวกับนายจตุพรเช่นกัน ดังนั้นกกต.จะต้องปฏิบัติไปแนวทางเดียวกัน
"ถ้ามีการเปิดประชุมสภา แต่กกต.ยังไม่รับรองการเป็นส.ส.ให้นายจตุพร ผมจะไปยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลอาญา ฐานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งนี้ขอให้มวลชนเสื้อแดงไม่เดินทางไปกกต. แต่ให้มากันที่เรือนจำพิเศษที่นี่ ถ้าวันนี้เห็นมวลชนเสื้อแดงไปที่กกต.ถือว่าเป็นกลุ่มอื่น ไม่ใช่กลุ่มเสื้อแดงจริงๆ เพราะไม่ใช่มติแกนนำ" นายณัฐวุฒิกล่าว
นาย ณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า อยากส่งสารไปยังพี่น้องประชาชนทั่วประเทศว่า สถานการณ์ขณะนี้เป็นสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่งในทางการเมือง การเคลื่อนไหวใดๆต้องเป็นไปด้วยความรอบครอบระมัดระวัง เราต้องไม่ปล่อยให้อารมณ์ ความรู้สึก หรือความโกรธแค้นชิงชังใดๆมามีอิทธิพล เข้าใจสถานการณ์แล้วขับเคลื่อนบ้านเมืองไปข้างหน้า พรรคการเมืองชนะการเลือกตั้ง ประชาชนจะเป็นกำลังใจให้จัดตั้งรัฐบาลต่อไป บ้านเมืองต้องเดินไปข้างหน้าไปตามกระบวนการประชาธิปไตย ส่วนกรณีของนายจตุพร เบื้องต้นจะใช้ขั้นตอนทางกฎหมายทุกวิถีทาง เพื่อให้นายจตุพรได้รับความยุติธรรม
เมีย"กี้ร์"- นางระพีพรรณ พงศ์เรืองรอง ภรรยา"กี้ร์ อริสมันต์" ให้สัมภาษณ์ระหว่างเข้าเยี่ยมนายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่เรือนจำพิเศษกรุง เทพฯ ยืนยันสามีไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย และจะมอบตัวปลายปีนี้ เมื่อ 28 ก.ค. |
"ผม เรียนพี่น้องว่านี่เป็นบทพิสูจน์อีกครั้งหนึ่งว่าประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยเรา เข้มแข็งเพียงพอที่จะเผชิญบททดสอบยากๆแบบนี้ได้หรือไม่ นี่เป็นบทพิสูจน์อีกครั้งหนึ่งว่าเมื่อประชาชนเติบโตในการต่อสู้มา 4-5 ปี เราจะรับมือกับสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนอย่างนี้อย่างไร พี่น้องอาจจะรู้สึกกดดันและเจ็บปวด ผมเรียนว่าผมก็มีความรู้สึกไม่แตกต่างกัน แต่พวกเราก็อย่างนี้กว่าจะเดินได้แต่ละก้าวลำบาก กว่าจะได้อะไรมาแต่ละอย่างเลือดตาแทบกระเด็น แต่ต้องอดทน และเดินผ่านไปด้วยสติปัญญา" นายณัฐวุฒิกล่าว
ด้านนางธิดา โตจิราการ รักษาการประธานนปช. กล่าวเพิ่มเติมว่า นายจตุพรมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสดี พร้อมทั้งยังฝากมาบอกว่าขอให้แกนนำคนเสื้อแดงที่ได้เป็นส.ส.ไปรายงานตัวได้ เลย ก่อนเปิดประชุมสภาวันที่ 1 ส.ค.นี้ แต่พวกเราจะยังรอจนถึงวันที่ 31 ส.ค.เพื่อให้แกนนำเสื้อแดงที่เป็นส.ส.ไปด้วยกัน เพราะกกต.ยังรับรองไม่ครบ และยังมีเสียงในกกต.มีความเห็นขัดแย้งกันอยู่ ดังนั้นขอให้มวลชนเสื้อแดงอย่าเคลื่อนไหว ขอให้รออีก 2-3 วันน่าจะมีอะไรดีขึ้น เพราะเชื่อว่าช่องทางกฎหมายเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รับรองนายนายจตุพร ทั้งนี้ทราบดีว่าตอนนี้พี่น้องเสื้อแดงถูกกดดันและผิดหวัง แต่เรามองโลกในแง่ดีว่าวันนี้ตั้งใจจะมารับนายจตุพรออกจากเรือนจำ แต่ไม่เป็นไรมารับแล้วยังไปไม่ได้ ก็หวังว่าวันพรุ่งนี้หรือวันอื่นๆจะสำเร็จ
นางธิดากล่าวต่อว่า อยากฝากพี่น้องทั้งหลายที่อยู่ต่างจังหวัดไกลๆด้วยว่าให้เรียนรู้ว่ากระบวน การเรียนรู้ของคนเสื้อแดง วีถีทางการต่อสู้นั้นยังต่อสู้ไม่จบสิ้น แต่เราเลือกต่อสู้ในระบบและสันติวิธี หวังว่าจะช่วยหาทางออกให้กับประเทศไทยให้ง่ายๆ ไม่ให้เกิดปัญหา อย่าให้มีอะไรมาทำให้กระทบกระเทือนเป็นอุปสรรค์เป็นอันขาด
ขณะที่นาง ระพีพรรณ พงศ์เรืองรอง ภรรยานายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดงกล่าวว่า คาดว่านายอริสมันต์สามีจะเข้ามอบตัวประมาณปลายปีนี้ ขณะนี้สามียังอาศัยอยู่กับญาติสนิทในที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง สามีไม่ได้เป็น ผู้ก่อการร้าย แต่ถูกดีเอสไอยัดข้อหาให้ และนับตั้งแต่สามีหลบหนีไปครอบครัวอยู่อย่างลำบากมาก ตนต้องรับผิดชอบดูแลลูก 3 คนและธุรกิจต่างๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เช้ามีแกนนำคนเสื้อแดงและส.ส.พรรคเพื่อไทยทยอยมาห้องเยี่ยม ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเยี่ยมนายจตุพร อาทิ นางธิดา โตจิราการ รักษาการประธานนปช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ น.พ.เหวง โตจิราการ นายพายัพ ปั้นเกตุ นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก รวมทั้งครอบครัวนายจตุพร นำโดยนางพรหมภัสสร พรหมพันธุ์ ภรรยา และนางระพีพรรณ พงศ์เรืองรอง ภรรยานายอริสมันต์
นอกจากนี้ยังมีมวล ชคนเสื้อแดง และแฟน คลับนายจตุพรกว่า 500 คนพร้อมใจกันสวมเสื้อแดงข้อความ 'ลมหายใจที่ไม่แพ้' เดินทางด้วยรถบัสจากจังหวัดต่างๆมาให้กำลังใจนายจตุพรด้วย
ต่อมา เวลา 15.49 น. กลุ่มคนเสื้อแดงจาก จ.เชียงใหม่กว่าร้อยคนมารวมตัวกันบริเวณสวนหย่อมหน้าเรือนจำ เพื่อประกอบพิธีบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้นายจตุพรหลุดพ้นจากการถูกคุมขังโดย เร็ว และให้กกต.รับรองนายจตุพรเป็นส.ส. โดยบนบานด้วยหัวหมู 2 หัว อาหารคาว หวาน และดอกบัว 9 ดอก
เมื่อเวลา 12.30 น. ที่สนามบินดอนเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกกต.ยังไม่รับรองนายจตุพร เป็นส.ส.ว่า ฝ่ายกฎหมายยื่นเอกสารไปให้กกต.ทั้งหมดแล้ว ต้องรอกกต.พิจารณา ทราบว่ากกต.จะใช้เวลาอีกนิดหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นเพราะกก ต.ต้องการให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่าคงไม่ใช่ แต่เป็นเรื่องของระยะเวลามากกว่า ประเด็นอยู่ที่ว่าจะให้การรับรองก่อนแล้วค่อยยื่นศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งคิดว่ากกต.คง จะพิจารณาอย่างดี และให้ความยุติธรรมกับทุกคน เมื่อถามว่าเกรงกลุ่มคนเสื้อแดงจะออกมาเคลื่อนไหวหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เชื่อว่าคงไม่ ทั้งหมดถ้าเราทำภายใต้กติกา ยึดหลักให้ความยุติธรรมกับทุกคน เชื่อว่าทุกคนจะรับทราบและยอมรับในส่วนนั้น
"ดิฉันมั่นใจในคนเสื้อแดงว่าจะไม่ออกมาเคลื่อนไหว เพราะพี่น้องเสื้อแดงมีเหตุผลอยู่แล้ว" ว่าที่นายกฯกล่าว
จาก นั้นเวลา 14.15 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมด้วยคณะจากพรรคเพื่อไทยเดินทางด้วยสายการบินนกแอร์ มาถึงสนามบินอุดรธานี โดยมีนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร นำคนเสื้อแดงจากจ.อุดรธานี หนองบัวลำภู หนองคายกว่า 2,000 คนมาต้อนรับ
น.ส.ยิ่ง ลักษณ์และคณะเดินทางโดยรถตู้ต่อไปยังจ.หนองคาย เพื่อหาเสียงช่วยสมคิด บาลไธสง ลูกพรรคเพื่อไทย ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ใหม่ในเขต 2 หนองคาย หลังจากเมื่อวันที่ 3 ก.ค.นายสมคิดชนะการเลือกตั้ง แต่กกต.ให้ใบเหลือง จึงต้องจัดเลือกตั้งใหม่
นายขวัญชัยกล่าวว่า วันนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์จะขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยสมคิดที่จ.หนองคาย 3 แห่ง จากนั้นจะกลับมาพักผ่อนที่โรงแรมนภาลัย จ.อุดรธานี วันที่ 29 ก.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์จะไปเดินพบปะประชาชนที่ตลาดสดเทศบาล 1 เขตเทศ บาลนครอุดรธานี ต่อด้วยไปสักการะอนุสาวรีย์กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้สร้างเมืองอุดรธานี และเปิดปราศรัยกับประชาชน จากนั้นขึ้นรถติดเครื่องขยายเสียงตระเวนขอบคุณชาวอุดรฯที่เทคะแนนเลือกพรรค เพื่อไทยทั้งจังหวัด ก่อนเดินทางกลับกทม.โดยสายบินไทยเวลา 11.30 น.
เมื่อ เวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการติดตามสถานการณ์บ้านเมือง วุฒิสภา ประชุมโดยมีนายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ ประธานคณะกรรมาธิการ เป็นประธาน โดยเชิญนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานนปช. มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มนปช.ช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.2553
นาย วีระกานต์ กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มนปช.เกิดจากพลังคนที่หยุดไม่อยู่แล้ว เป็นพลังคนที่ต้องการผลักดันประเทศให้เกิดระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง โดยมีตนคอยประคับประคองให้เคลื่อนไหวตามแนวทางสันติวิธี ซึ่งไม่ง่ายที่จะควบคุมคนจำนวนมาก แต่เชื่อว่าคนเสื้อแดง 60-70% มาด้วยสันติวิธี ไม่นับรวมผู้ที่แอบแฝงเข้ามาปะปน ทำลายสันติวิธีของกลุ่มนปช.
นายวีระกานต์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามนับจากนี้คงจะได้เห็นแนวทางการสร้างความปรองดองและเยียวยาผู้ สูญเสียจากคณะกรรมาธิการชุดนี้ที่มีความน่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาไม่มีคณะกรรมการต่างๆ เข้ามาดูแล โดยเฉพาะคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รู้สึกได้ถึงความไม่เป็นธรรมในการทำหน้าที่
ด้านนางกฤตยา อาชานิจกุล รองผอ.สถาบัน วิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะตัวแทนศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม กรณีเม.ย.-พ.ค. 2553 (ศปช.) แสดงข้อมูลไล่เรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงรายละเอียดของผู้เสียชีวิต 92 ราย
นางกฤตยา กล่าวว่า รัฐบาลไม่สมควรสั่งทหารใช้ปืนสไนเปอร์กับประชาชน และยังมีข้อเท็จจริงจากศปช.ด้วยว่า มีการใช้จำนวนกระสุนปืนสไนเปอร์ในเหตุการณ์ทั้งหมด 2,000 กว่านัด จาก 3,000 กว่านัด ทั้งๆ ที่สิทธิการใช้ปืนชนิดนี้จะต้องเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษเท่านั้น ไม่ใช่ทหารทุกคนจะสามารถใช้ได้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงคลี่คลายได้ยาก หากความจริงกับการพูดของแต่ละฝ่ายยังบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการทำงานของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และตำรวจ ยังล่าช้าไม่มีความคืบหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารของศปช.ระบุว่า จากการติดตามรวบรวมข้อมูลของศปช. จำนวนตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุม มีทั้งสิ้น 92 ราย แบ่งเป็นขอคืนพื้นที่ วันที่ 10 เม.ย. 26 ราย กระชับพื้นที่ วันที่ 14-19 พ.ค. 57 ราย ในจำนวนนี้มี 3 ราย ไม่ทราบชื่อ เป็นชาย 2 คน หญิง 1 คน นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตอีก 9 ราย ในเหตุการณ์ปะทะย่อยรวมถึงเหตุปะทะในต่างจังหวัด
นอกจากนี้ข้อมูลของ ศปช. ณ วันที่ 1 เม.ย. 2554 ยังระบุว่า ภายหลังจากประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน วันที่ 7 เม.ย. โดยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์แล้วนั้น พบว่าปัจจุบันยังมีผู้ต้องขังที่ไม่ได้รับการประกันตัวทั่วประเทศอีก 133 ราย เป็นชาย 121 ราย หญิง 12 ราย ชาวต่างด้าวอีก 3 ราย ซึ่งข้อหาส่วนใหญ่ คือ การละเมิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินโดยการชุมนุมเกิน 5 คนขึ้นไป การร่วมวางเพลิง สถานที่ราชการ และก่อการร้าย อีก 5 ราย ฯลฯ โดยไม่มีการเปิดเผยข้อมูลการออกหมายจับ และการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุม ของกลุ่มนปช. ต่อ สาธารณะ อย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ ศปช.ยังได้รับข้อมูลคนหายในช่วงเหตุการณ์ดังกล่าวจากมูลนิธิกระจกเงา จำนวน 20 ราย ซึ่งบางส่วนพบว่ามีการทำให้สูญหายโดยเจ้าหน้าที่รัฐอีกด้วย