วันที่ 21 ต.ค.ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ดอนเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ออกมาปัดความรับผิดชอบโดยระบุว่าหากน้ำท่วมพื้นที่เขตดอนเมือง และหลักสี่ ไม่เกี่ยวกับ กทม. เพราะคลองประปาไม่ได้อยู่ในการดูแลของกทม.ว่า ตนไม่อยากพูดคำว่าเราต้องการความเป็นเอกภาพ เพราะวันนี้คนไทยทุกคนไม่ว่าอยู่ต่างจังหวัดหรือกทม.มีภาระรับผิดชอบที่ต้อง ช่วยกัน จึงอยากขอให้ กทม.ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ อย่ามองว่าส่วนไหนเป็นหน้าที่ของ ศปภ.หรือของรัฐบาล
ในความเป็นจริงรัฐบาลมีหน้าที่ดูในภาพรวม ดูแลประชาชนหลายจังหวัด ถ้าทางกทม.จะช่วยเหลือได้ก็ยินดีอย่างยิ่ง และทางเราพร้อมที่จะให้การสนับสนุน แต่ถ้าคิดว่าพื้นที่ใดที่ทางกทม.ดูแลไม่ไหว ทางศปภ.พร้อมที่จะเข้าไปดูแลเอง เมื่อคืนวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนก็ลงพื้นที่ไปยังเขตสายไหมเพื่อให้เกิดความแน่ใจในการดูแลพื้นที่ หากกทม.ต้องการความช่วยเหลือเรื่องใดเราก็พร้อมสนับสนุน ตนก็คอยที่จะให้ความร่วมมือและยินดีเสมอ ส่วนไหนที่ ศปภ. รัฐบาล หรือทุกหน่วยงานจะเข้าไปช่วยกทม.ได้ก็ยินดี อยากให้รวมกันเป็นหนึ่ง
วันนี้ต้องขอแรงในการรวมพลัง ช่วยกันทุกส่วน เพื่อที่เราจะได้ต่อสู้กับอุทกภัยครั้งนี้ เพราะถือว่าเป็นครั้งที่หนักมาก และต้องการความร่วมมือร่วมใจให้เป็นเอกภาพเพื่อที่จะมองภาพรวม เพราะถ้าต่างคนต่างมองในมุมของตัวเองก็จะทำให้ประเทศเดินไม่ได้ ดังนั้น วันนี้ ตนจึงได้เรียกประชุมทุกหน่วยงาน เพื่อมาทบทวนอีกครั้งว่าส่วนไหนบ้างที่เป็นอุปสรรค และจำเป็นจะต้องตัดสินใจทำงาน เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพมากขึ้น อีกส่วนหนึ่งก็จะต้องมีการวางแผนในการดูแลประชาชน โดยจะคำนึงถึงเรื่องชีวิตเป็นสำคัญ โดยเมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้สั่งการแบ่งกลุ่มสายความรับผิดชอบ เพื่อให้ไปรับประชาชนที่ประสบภัยออกมา เพราะเจ้าหน้าที่คงไม่สามารถเข้าไปรับทีละครอบครัวได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และน้ำตาคลอเบ้า ว่าวันนี้การทำงานในศปภ.ทุกหน่วยงาน ทุกเหล่าทัพ ภาคเอกชน รวมทั้งประชาชน หรือแม้แต่สื่อมวลชนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เชื่อว่าทุกคนมีใจที่จะช่วยเหลือประเทศไทย วันนี้เราไม่อยากเห็นภาวะนี้ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีปัญหาอยู่ แล้วเกิดขึ้นเพิ่มอีก จึงอยากขอให้คนไทยทุกคนร่วมใจกันทำงานเพื่อกอบกู้ภาวะวิกฤติ ถ้ายิ่งไปประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็จะยิ่งทำให้ความมั่นใจ
ของนักลงทุนต่างชาติลดลง เพราะมองว่าประเทศไทยดูแลกันเองไม่ได้
เมื่อถามว่าถ้ากทม.ไม่ให้ความร่วมมือ เราจะเดินหน้าทำงานต่อไปได้อย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คงจะต้องหารือกับทางกทม.ให้ชัดเจน ซึ่งในวันนี้ตนก็ได้เรียกผู้ว่าฯ กทม.มาหารือด้วย ก็หวังว่าเราจะไม่มาเล่นการเมืองกันตรงนี้ หวังว่าจะมาทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนและคนไทยทุกคน แล้วอย่ามองว่าการที่เป็นคนละพรรคการเมืองหรือคนละเขตเลือกตั้งจะทำงานร่วม กันไม่ได้ ตนยินดีเข้าไปทำงานร่วมกับทุกหน่วยงาน และยินดีรับฟังทุกหน่วยงานเพื่อคนไทยทุกคน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงปัญหาสำคัญที่ต้องทำเร่งด่วนคือเรื่องเส้นทางคมนาคม การจัดสรรที่ให้ประชาชนสำหรับจอดรถ เพราะทุกวันนี้บางเส้นทางจอดกันจนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ เพราะรถไปกีดขวางการจราจร ก็ยิ่งทำให้คนตื่นตระหนก จึงต้องมาสั่งการเรื่องการจัดระบบการจัดการ รวมทั้งการดูแลสถานที่สำคัญบริเวณพระบรมมหาราชวัง สนามบินสุวรรณภูมิ และสถานที่สำคัญต่าง ๆ ที่จะต้องมีคนรับผิดชอบดูแล และก็จะต้องมีอีกทีมคอยดูแลความปลอดภัยในการอพยพประชาชนที่เดือดร้อนให้มาก ขึ้น โดยจะมีการจัดหาศูนย์อพยพเพิ่มเติม ซึ่งเบื้องต้นมีที่ดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิบางส่วน และยังมีสถานที่สำรองอื่นอีก แต่ขอไปประเมินและตรวจสอบให้รอบคอบอีกครั้งว่าภาวะขณะนี้มีความปลอดภัยหรือ ไม่
ส่วนการระบายน้ำ เพราะวันนี้น้ำเข้ามายังคลองเปรมประชากรมาก พื้นที่ก็เป็นแอ่ง จึงต้องพยายามเบี่ยงให้น้ำออกทางขวา โดยการปิดประตูระบายน้ำคลองรังสิตประยูรศักดิ์ แต่ขณะนี้ปริมาณน้ำสูง จึงไม่แน่ใจว่าเครื่องระบายน้ำจะทำงานได้เต็มที่หรือไม่ กำลังให้กรมชลประทานประเมินอยู่
′อยากขอให้ประชาชนในกทม.ทั้งหมดทุกเขต ให้เตรียมเคลื่อนย้ายสิ่งของไปอยู่ที่สูงขึ้น เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมไว้ก่อนดีกว่า แต่อย่าตระหนก เราจะพยายามประเมินสถานการณ์ให้เร็วและแจ้งประชาชนให้ทราบ รวมทั้งจะต้องหาทางเร่งระบายน้ำ พื้นที่ส่วนไหนที่บล็อคทางน้ำไว้ก็อาจจะขอความกรุณาให้เปิดทางน้ำ′ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว