Sun, 2012-07-22 22:17
ผู้ต้องหา Anders Behring Breivik ถูกจับได้ทันทีบนเกาะ Utøya ซึ่งเป็นสถานที่ที่พรรคแรงงานนอร์เวย์จัดค่ายเยาวชนเป็นประจำทุกฤดูร้อน [3]
ในการพิจารณาคดีวันแรกวันที่ 16 เมษายน 2012 เมื่ออัยการอ่านข้อหาก่อการร้ายและฆาตกรรมโดยไตร่ตรองล่วงหน้าให้ฟัง เบรวิคยอมรับว่าเป็นคนลงมือวางระเบิดและกราดยิงเยาวชนพรรคแรงงานโดยไม่มีใคร หรือกลุ่มใดอยู่เบื้องหลังแต่เบรวิคไม่ยอมรับผิดโดยอ้างว่าการกระทำของตนเอง เป็นสิ่งจำเป็นในการป้องกันไม่ให้นอร์เวย์กลายเป็นสังคม ‘พหุวัฒนธรรม’ จากการหลั่งไหลเข้ามาของผู้อพยพจากยุโรปตะวันออกและชาวมุสลิม
เป้าหมายของเบรวิคไม่ใช่กลุ่มผู้อพยพและชาวมุสลิม แต่เป็นกลุ่มการเมืองที่สนับสนุนสังคมพหุวัฒนธรรมและยอมรับความแตกต่างหลาก หลายในสังคมอย่างพรรคแรงงานนอร์เวย์หรือ Arbeiderpartiet ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล เป้าหมายแรกของเบรวิค คือวางระเบิดอาคารที่ทำการรัฐบาลด้วยคาร์บอมบ์ เป้าหมายที่สอง คือกำจัดเยาวชนของพรรคแรงงานที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำในอนาคตให้มากที่สุดเท่า ที่จะมากได้ ในการสืบพยานชั้นศาล เบรวิคได้รับโอกาสให้เบิกความถึงห้าวัน เบรวิคยืนยันว่า เยาวชนจากพรรคแรงงานเป็นเป้าหมายที่ชอบธรรม เนื่องจาก “เยาวชนเหล่านี้ไม่ได้เป็นเด็กไร้เดียงสาแต่สังกัดพรรคการเมืองที่เชื่อและ ส่งเสริมสังคมพหุวัฒนธรรม” และถ้ามีโอกาส “จะทำเช่นนี้อีกครั้งและอีกครั้ง”[4]
สิ่งที่น่าสนใจคือ ประเทศที่ที่ได้ชื่อว่าเปิดกว้างมากที่สุดประเทศหนึ่ง ในยุโรป รับมือกับความเลวร้ายที่เกิดขึ้นได้อย่างมีวุฒิภาวะ เหมือนที่ Jens Stoltenberg นายกรัฐมนตรีจากพรรคแรงงาน กล่าวสุนทรพจน์หลังเกิดเหตุการณ์ว่า “เรายังคงตื่นตระหนกจากสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เราจะไม่มีวันปล่อยวางคุณค่าที่เรายึดถือ การตอบโต้ของเราต่อสิ่งที่เกิดขึ้น คือประชาธิปไตยที่มากขึ้น การเปิดกว้างที่มากขึ้น และมนุษยธรรมที่มากขึ้น" [5]
แม้ว่าหลังเหตุการณ์จะมีดีเบตมากมายเกิดขึ้นในสังคมนอร์เวย์ ทั้งเรื่องการนำโทษประหารชีวิตกลับมาใช้ การออกกฎหมายต่อต้านการก่อร้าย รวมทั้งข้อเสนอให้ออกกฎหมายจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งhate speech แต่ถึงที่สุดแล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นในสังคมนอร์เวย์ เบรวิคได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมโดยเน้นไปที่เรื่องสุขภาพจิต แม้เบรวิคจะยืนยันว่า ตัวเองปกติและมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนในช่วงเวลาก่อเหตุ
ในวันที่ 26 เมษายน 2012 ซึ่งเป็นวันแรกของการสืบพยานฝ่ายโจทก์ ประชาชน 40,000 คนรวมตัวกันใกล้ศาลและร้องเพลง Children of The Rainbow เพลงจากยุค 70’s ซึ่งยกย่องสังคมพหุวัฒนธรรมและเป็นเพลงที่เบรวิคพูดถึงในการพิจารณาคดีว่า เป็น “โฆษณาชวนเชื่อของพวกมาร์กซิสต์” ผู้จัดการชุมนุมให้สัมภาษณ์ว่า “เราต้องการแสดงให้เบรวิคเห็นว่า การกระทำของเขาไม่สามารถทำลายสังคมของเราที่เชื่อในการอดทนอดกลั้นต่อความ คิดเห็นที่แตกต่าง” [6
Vegard Groeslie Wennesland นักกิจกรรมเยาวชนพรรคแรงงานนอร์เวย์และเหยื่อผู้รอดชีวิตจาก Utøya กล่าวว่า “ผู้คนอาจจะคิดว่ามันไร้เดียงสาที่เรายังยึดถือคุณค่าของการเปิดกว้างใน สถานการณ์เช่นนี้ แต่เป็นการไร้เดียงสายิ่งกว่าที่จะคิดว่า กองกำลังตำรวจหรือนโยบายจำกัดเสรีภาพจะทำให้เราได้มาซึ่งสังคมที่ปลอดภัยมาก ขึ้น” [7]
แม้ว่าความโศกเศร้าปวดร้าวของครอบครัวผู้สูญเสียและความสะเทือนใจของผู้ คนทั้งสังคมจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ท้ายที่สุด สังคมนอร์เวย์หลีกเลี่ยงการทำลายคุณค่าที่สังคมยึดถืออย่างเช่น ประชาธิปไตย เสรีภาพ และความอดทนอดกลั้นต่อความเห็นต่าง
และนี่คือการตอบโต้ที่ดีที่สุดต่อการกระทำของ Anders Behring Breivik ด้วยการแสดงให้เห็นว่า ความพยายามของเขาที่จะทำลายคุณค่าของสังคมประชาธิปไตยนั้น ล้มเหลวไม่เป็นท่า
[1]ในบทความนี้เรียกThe Workers' Youth League หรือ AUF (Arbeidaranes Ungdomsfylking) ว่าเยาวชนพรรคแรงงานนอร์เวย์
[3]พรรคการเมืองในยุโรปไม่ว่าจะมีอุดมการณ์ทางการเมืองแบบใดล้วนแล้วแต่ มีปีกเยาวชน (Youth wing) เพื่อปลูกฝังอุดมการณ์และการมีส่วนร่วมทางการเมืองให้กับเยาวชนตั้งแต่อายุ ยังน้อย และค่ายเยาวชนของพรรคการเมืองมักจะจัดขึ้นในช่วงหน้าร้อนของยุโรป
[5]http://www.regjeringen.no/en/dep/smk/Whats-new/Speeches-and-articles/statsministeren/statsminister_jens_stoltenberg/2011/address-by-prime-minister-in-oslo-cathed.html?id=651789
[7]http://www.bbc.co.uk/news/world-europe-18941991