สถาบัน องค์กรเอกชน ภาครัฐ จะยืนหยัดหรือล่มสลาย ก็อยู่ที่ความน่าเชื่อถือ บางครั้งธุรกิจที่ลงทุนกันเป็นร้อยล้านพันล้าน ต่อให้ทำเงื่อนไขกฎกติการัดกุมอย่างไร ก็มีจุดอ่อนหรือความผิดพลาดเกิดขึ้นจนได้ อยู่ที่ความเชื่อมั่นต่อกัน แม้ไม่มีอะไรผูกมัดเลย ก็สามารถที่จะทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นและเกิดประสิทธิผล เถ้าแก่คุยกันตกลงกันไม่กี่คำ ลูกน้องเอาไปปฏิบัติก็เห็นอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
เช่นกัน รัฐบาลใดก็ตามที่ ขาดความเชื่อมั่นจากประชาชน ในฐานะผู้ปกครองกับผู้ถูกปกครอง การบริหารประเทศก็ไม่ราบรื่นมีความชุลมุนวุ่นวายอยู่ตลอดเวลา เชื่อว่าวิกฤติบ้านเมืองเวลานี้ต่อให้เอาพระสงฆ์ หรือนักบวชมาเป็นประธานปรองดองก็แก้ไม่ได้ นับเวลาถอยหลังได้เลย
วิธีเดียวคือล้างไพ่เริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ นิรโทษกรรมทางการเมือง ยุบสภา เลือกตั้ง แค่นี้ไม่ต้องไปตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเป็นตาสับปะรด เสียดายงบประมาณภาษีอากรของประชาชนเพราะสุดท้ายแล้วถ้ายังยืนยันว่าประเทศนี้ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยก็ไม่พ้นการเลือกตั้งอยู่ดี จะกติกาเก่ากติกาใหม่สำหรับการเมืองแบบไทยๆแล้วไม่มีความหมายใดๆ
ย้อนนึกไปดู การเลือกตั้งสมัยก่อนก็เหมือนการสอบเอ็นทรานซ์ ไปวัดดวงกันในสนามเลย ถ้าจะว่าซื้อเสียงก็ซื้อเหมือนกันทุกยุคทุกสมัย ยิ่งออกกฎเข้มงวดเท่าไหร่วิธีการซื้อเสียงก็จะแยบยลมากขึ้น ยิ่งมีองค์กรตรวจสอบมากก็มากเรื่อง อีกหน่อยก็จะกลมกลืนกลายเป็นวัฒนธรรมทางการเมืองไปฉิบ อาทิ นโยบายประชานิยม เป็นต้น
การมี กกต.จังหวัด เครือข่ายตรวจสอบทุจริตการเลือกตั้ง กกต.ภาค กกต.กลาง จากเรื่องเล็กก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ จากการเมืองที่ 4 ปีเลือกตั้งกันทีก็เลือกกันทุกเดือน นักการเมืองในสภาไม่เป็นอันทำหน้าที่ เข้าไปก็ต้องรีบกอบโกยไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าจะถูกถอดถอนวันไหน คนที่เป็น รมต.ไม่อยากถูกถอดถอนก็ใช้วิธีติดสินบน จะหาเงินมากๆมาติดสินบนก็ต้องโกง
บ้านเมืองระส่ำระสาย
การสอบคัดเลือกเข้าระดับอุดมศึกษาหรือมหาวิทยาลัย สมัยก่อนม้วนเดียวจบ เดี๋ยวนี้จนหนวดหงอกก็ยังไม่จบ แล้วคุณภาพการศึกษาก็ไม่ได้ดีขึ้น แย่กว่าสมัยโบราณไม่รู้กี่เท่า มีช่องทางโกงเยอะกว่า
ถามว่าแล้วจะเน้นการเมืองใหม่ ปฏิรูปการศึกษาแนวใหม่ หรือปฏิรูปประเทศไปเพื่ออะไร ในเมื่อเรายังไม่พร้อม ขาดพื้นฐานของคุณธรรมและจริยธรรม สร้างบ้านไม่แข็งแรงมีโอกาสที่จะพังมาทับคนในบ้านตายตอนจบ วันนี้การเมืองเหมือนเล่นละครให้ชาวบ้านดู อ้าย-อ้อแล้วก็มาหรั่ง แทนที่ชาวบ้านจะเออออไปด้วยกลับมานักวิเคราะห์กันว่าตัวละครมีที่มาที่ไปอย่างไร เป็นนิยายน้ำเน่าไปแล้ว
ความหวาดระแวงและความไม่น่าเชื่อถือที่เกิดขึ้นไม่เฉพาะกับรัฐบาลเท่านั้น แต่เป็นสังคมไทย ต่อให้อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ ไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จ สภาพของประเทศไทยเวลานี้ เลอะเทอะเปรอะเปื้อน.
"หมัดเหล็ก"