เรื่องจากปก |
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ |
ปีที่ 11 ฉบับที่ 2848 ประจำวัน จันทร์ ที่ 26 กรกฏาคม 2010 |
โดย - |
“โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม” โวยรัฐบาลไทยห้ามเข้าประเทศเป็นการจำกัดสิทธิในการต่อสู้คดีของคนเสื้อแดง เตรียมเจรจาให้ยกเลิกคำสั่ง ซัดใช้กฎหมายและสื่อลดทอนความน่าเชื่อถือของกระบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและเนื้อหาในสมุดปกขาว ลั่นพร้อมดีเบตกับคนของรัฐบาลทุกคนแต่ต้องอยู่ใต้เงื่อนไขกฎหมายระหว่างประเทศ โฆษกประชาธิปัตย์โต้บิดเบือนเนื้อหา จี้แก้ไขข้อความในหน้า 20 ที่เข้าข่ายจาบจ้วงเบื้องสูง “เทพไท” ด่ากราดมีแต่พวกกินหญ้าเท่านั้นที่อ่านแล้วเชื่อ คนกินข้าวอ่านแล้วรู้ว่าจ้องดิสเครดิตรัฐบาล อัด “ทักษิณ” ขี้ขลาดตาขาวจ้างฝรั่งเคลื่อนไหวในต่างประเทศ เพื่อให้ประเทศที่อยู่ห่างไกลข้อมูลข่าวสารได้รับข้อมูลผิดๆ
นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ถึงผู้อ่านสมุดปกขาวเรื่อง “การสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ” ที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ http://robertamsterdam.com/thai/ ระบุว่า การที่รัฐบาลไทยสั่งห้ามตนและทีมงานที่เชี่ยวชาญเรื่องอาชญากรสงครามเดินทางเข้าประเทศถือเป็นการทำลายสิทธิที่จะแก้ต่างทางคดีความให้กับคนเสื้อแดงที่เป็นลูกความ จึงจะใช้ความพยายามในการเจรจาทางการทูตเพื่อให้รัฐบาลไทยสั่งห้ามการเดินทางเข้าประเทศ
ซัดไทยใช้กฎหมาย-สื่อเป็นเครื่องมือ
“รัฐบาลไทยกำลังพยายามใช้กฎหมายและสื่อเป็นเครื่องมือในการลดทอนความสำคัญของเนื้อหาในสมุดปกขาว ที่ถูกแปลเป็นหลายภาษาและเผยแพร่ไปทั่วโลก ผมพร้อมที่จะดีเบตเนื้อหาในสมุดปกขาวกับตัวแทนรัฐบาลไทยทุกคนบนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ” นายอัมสเตอร์ดัมกล่าวและว่า นอกจากรัฐบาลไทยจะพยายามลดทอนความน่าเชื่อถือของเนื้อหาในสมุดปกขาวแล้ว ยังกระทำการเพื่อลดทอนความชอบธรรมในการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงด้วย
สมุดปกขาวผู้เชี่ยวชาญช่วยกันเขียน
นายอัมสเตอร์ดัมระบุอีกว่า เนื้อหาสาระในสมุดปกขาวถูกร่างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญหลายคน ซึ่งรวมถึงผู้เชี่ยวชาญของไทยเองด้วย อย่างไรก็ตาม หากเนื้อหาถูกระบุว่ามีความผิดก็พร้อมที่จะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว เนื่องจากประเทศไทยยังถูกปกครองด้วย พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรค แถลงว่า ขอเรียกร้องให้นายอัมสเตอร์ดัมและพรรคเพื่อไทยไปดูเนื้อหาในสมุดปกขาวที่มีข้อความบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง เพราะมีข้อความบางช่วงที่พาดพิงไปถึงสถาบันเบื้องสูง ซึ่งเป็นการไม่บังควร
ปชป. จี้ถอด-แก้ข้อความหน้า 20
“พรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องให้ถอดเนื้อหาในหน้าที่ 20 ออกเพราะมีเนื้อหาพาดพิงสถาบันเบื้องสูง ที่มีการนำพระราชดำรัสเมื่อเดือน เม.ย. 2549 มาผูกโยงกับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ และเนื้อหายังระบุว่าพระองค์ท่านรู้ล่วงหน้าว่าจะมีการปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
นพ.บุรณัชย์กล่าวอีกว่า หากพรรคเพื่อไทยและทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมถึงตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการให้ประเทศเกิดความปรองดองต้องช่วยกันปกป้องสถาบันเบื้องสูง เพราะหากไม่มีการถอดข้อความออกหรือไม่มีการแก้ไขจะทำให้สังคมโลกเข้าใจผิดต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขได้
“เทพไท” จวกดิสเครดิตรัฐบาล
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตำหนิพรรคเพื่อไทยว่า ฉวยโอกาสดิสเครดิตรัฐบาลที่ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินทันที โดยอ้างข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ (คปร.) ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน
“นายกรัฐมนตรียืนยันชัดเจนว่าพร้อมตอบสนองข้อเสนอของ คปร. แต่การจะยกเลิกต้องอยู่บนพื้นฐานของความสงบเรียบร้อย ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนด้วย โดยเฉพาะความร่วมมือจากพรรคเพื่อไทยที่ยังให้การสนับสนุนการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงอยู่ตลอดเวลา วันนี้ได้แต่พูดกันว่าให้ยกเลิก พ.ร.ก. เพื่อสร้างความปรองดอง แล้วทำไมไม่ยุติการเคลื่อนไหวเสียก่อนที่จะยกเลิก พ.ร.ก.” นายเทพไทกล่าวและว่า พรรคเพื่อไทยกำลังตีสองหน้า ด้านหนึ่งออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีกด้านหนึ่งก็สนับสนุนการเคลื่อนไหวนอกสภาโดยให้คนของพรรคไปเข้าร่วม หรืออย่างกรณีการจัดนิทรรศการ 7 วัน 7 ความเจ็บปวดก็มีเป้าหมายทางการเมืองทั้งสิ้น
ชี้ใช้เหตุการณ์ราชประสงค์ขยายผล
“ยังมีความพยายามนำเหตุการณ์ที่ราชประสงค์มาขยายผลทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดนิทรรศการและการตระเวนปราศรัยที่จะเกิดขึ้น ถือเป็นการนำความเท็จไปปลุกระดมเพื่อให้ประชาชนเกลียดชังรัฐบาล เป็นการให้ข้อมูลเพียงด้านเดียวเพื่อสร้างคะแนนนิยมให้ตัวเองโดยไม่สนใจว่าจะเกิดความแตกแยกขึ้นภายในชาติ” นายเทพไทกล่าวพร้อมระบุว่า การจัดนิทรรศการและการเดินสายปราศรัยเป็นการแสดงให้เห็นว่าคนเหล่านี้รักเงินของนายใหญ่มากกว่ารักประเทศ ซึ่งเป็นกรณีเดียวกับที่คนเสื้อแดงหลายกลุ่มแย่งกันจัดงานวันคล้ายวันเกิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณเพื่อเอาหน้าและแสดงความภักดี ส่วนการโฟนอินเข้ามาพูดคุยของ พ.ต.ท.ทักษิณก็ยังเป็นเรื่องเดิมๆ คือระบายอารมณ์ว่าถูกกลั่นแกล้งและให้ความหวังลมๆแล้งๆกับประชาชน ทั้งที่ปัญหาของตัวเองก็ยังแก้ไม่ได้ ยังเอาตัวไม่รอดเสียด้วยซ้ำ
ยันรัฐบาลพร้อมรับการตรวจสอบ
นายเทพไทยังระบุถึงสมุดปกขาวของทนาย พ.ต.ท.ทักษิณว่า รัฐบาลจำเป็นต้องชี้แจงความจริงกับประชาชน ไม่ใช่ตื่นตูมกลัวว่าความจริงจะถูกเปิดเผยอย่างที่พรรคเพื่อไทยกล่าวหา รัฐบาลไม่เคยกลัวความจริง พร้อมรับการตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา พ.ต.ท.ทักษิณต่างหากที่กลัวความจริง ขี้ขลาดตาขาว ว่าจ้างฝรั่งตาน้ำข้าวเคลื่อนไหวในต่างประเทศเพื่อให้ประเทศต่างๆที่อยู่ห่างไกลข้อมูลข่าวสารได้รับข้อมูลผิดๆ
มีแต่พวกกินหญ้าเชื่อสมุดปกขาว
“ผมเชื่อว่าคนไทยทุกคนที่กินข้าวได้อ่านหนังสือปกขาวฉบับดังกล่าวตั้งแต่ต้นจนจบก็จะมีความรู้สึกได้ทันทีว่านี่คือกระบวนการดิสเครดิตรัฐบาล ทำร้ายประเทศชาติ จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง เว้นแต่คนที่กินหญ้าบางกลุ่มเท่านั้นที่อ่านแล้วหลงเชื่อ” นายเทพไทกล่าว
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์” ว่ายังมีประชาชนและเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งเชื่อว่าสถานการณ์ในหลายพื้นที่ยังไม่น่าไว้วางใจ จึงยังไม่สามารถยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินทั้งหมดได้ ส่วนที่ระบุว่าการใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปกระทบต่อสิทธิต่างๆก็เป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะประชาชนส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดแทบไม่ได้รับผลกระทบจากการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเลย
ยังจำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไป
“ผมจะเร่งรัดทบทวนพื้นที่ต่างๆที่มีภาวะฉุกเฉินอยู่ทั้ง 16 จังหวัด และจะดำเนินการทยอยยกเลิกตามความเหมาะสมโดยเร็วต่อไป หลายคนอาจบอกว่ายกเลิกไปก่อน หากมีปัญหาค่อยประกาศใหม่ แต่การทำเช่นนั้นจะกระทบกระเทือนต่อความมั่นใจ หากเราสามารถบริหารจัดการไม่ให้เกิดเหตุได้จะดีที่สุด” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค กล่าวว่า รัฐบาลยังใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินใน 16 จังหวัดทั้งที่ไม่มีสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงอยู่น่าจะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย เพราะว่าการยกเลิกบังคับใช้นั้นกฎหมายมีข้อกำหนดไว้อย่างชัดเจน ไม่ได้ให้เป็นดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี
ชี้นายกฯละเมิดกฎหมายฉุกเฉิน
“กฎหมายเขียนเอาไว้ชัดเจนว่าเมื่อสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงสิ้นสุดลงแล้วต้องประกาศยกเลิกทันที ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดแล้วว่าสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงยุติมาร่วม 2 เดือนแล้ว หลัง 19 พ.ค. ก็ไม่ปรากฏเหตุร้ายแรงใดๆ นายอภิสิทธิ์ต้องประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่ามาอ้างว่ายังมีสถานการณ์ดังกล่าวอยู่ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองให้รัฐบาลมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอีกต่อไป เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นกฎหมายพิเศษ ต้องใช้อย่างจำกัดเท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะละเมิดสิทธิของประชาชน การที่นายอภิสิทธิ์อ้างว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ละเมิดสิทธิของประชาชนเป็นการพูดแบบไม่ละอายใจ เหมือนกับเป็นผู้นำรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน” นายพร้อมพงศ์ กล่าว
ห่วงแต่ความมั่นคงของรัฐบาล
โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวอีกว่า การที่ประชาชนและทุกภาคส่วนทั้งในประเทศและนานาชาติ รวมถึงผู้ใหญ่อย่างนายอานันท์ ปันยารชุน เรียกร้องให้รัฐบาลเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่นายอภิสิทธิ์กลับเฉไฉ เบี่ยงเบนประเด็น ไม่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลกำลังเสพติดอำนาจ โดยคิดแต่ความมั่นคงของรัฐบาลมากกว่าที่จะคำนึงถึงความมั่นคงและสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ถูกละเมิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ที่อาศัยอำนาจของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายอภิสิทธิ์ในฐานะผู้นำประเทศควรรับฟังเสียงเรียกร้องของประชาชนและองค์กรต่างๆ รวมทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง โดยประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินทันทีในทุกพื้นที่ทั้ง 16 จังหวัดโดยไม่มีเงื่อนไข