คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
ภาพข่าวและคลิปที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ทั่วโลก ได้เห็นนาทีตำรวจนอกเครื่องแบบกรูกันเข้าหิ้วตัวนายนที สรวารี ที่บริเวณแยกราชประสงค์
ทระนงองอาจ สมศักดิ์ศรีผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จริงๆ
แล้วตำรวจชุดที่เข้าไปล็อกตัวชายที่"มาคนเดียว" ล้วนแต่สายสืบนอกเครื่องแบบ นักสืบนักอุ้มทั้งนั้น
ถ้าลงมือกับโจรผู้ร้ายประวัติฉกาจก็ว่าไปอย่าง
แต่นี่กระทำกับประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมผูกผ้า แดง โดย"มาเพียงคนเดียว" ไม่ได้มา 5-6 คน ไม่ได้กระทำผิดพ.ร.ก.
อาวุธที่มีคือ ปากที่เปล่งเสียงตะโกนสู้กับเครื่องขยายเสียงของตำรวจ
หรือถ้าจะมีอีกอย่าง คือ นิ้วกลาง ที่ชูให้กับอำนาจรัฐ!
นับจาก 19 พ.ค. ผ่านมาแล้ว 2 เดือน เสียงร้องหาความจริงในเหตุการณ์นองเลือด ไม่ได้จางหาย ไปเลย
ใครที่คิดว่ามีพ.ร.ก.ฉุกเฉินสามารถจับใครไปขังเพื่อปิดปากก็ได้นั้น คงรู้แล้วว่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
ไม่มีใครปิดฟ้าด้วยฝ่ามือได้!!
แล้วยิ่งรัฐบาลกำลังสร้างศัตรูกับคนที่มีต้นทุนทางสังคม อย่างเช่น อาจารย์สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือแม้แต่นายนที สรวารี
จะกลายเป็นแนวรบที่จะสร้างความลำบากให้กับรัฐบาลมากขึ้นๆ
ส่งผลสะเทือนแผ่กว้างไปเรื่อยๆ
พวกนี้ไม่ใช่แกนนำม็อบ แต่โดดเข้ามาร่วม เมื่อรัฐใช้ทหารปราบม็อบและมีคนตายมากมายเกือบร้อย
คนเหล่านี้อาจไม่โด่งดังเท่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ทำงานเพื่อสังคมมายาวนาน ทำประโยชน์ให้กับเพื่อนมนุษย์มามากกว่านายอภิสิทธิ์ด้วยซ้ำ
ขอยืนยัน!!
อาจจะไม่เป็นที่รู้จักมากเท่านายกฯ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้จักและนับถืออย่างหนักแน่น เช่น คนยากไร้บนภูเขา ในชนบท คนเร่ร่อนในเมืองหลวง
แล้วคนเหล่านี้กล้ายืนหยัดในความจริง โดยไม่ต้องมีม็อบห้อมล้อม
ต่อสู้ด้วยสันติวิธี ต่อต้านอำนาจด้วยการอดข้าว ด้วยการท้าทายให้มาจับ เขียนกลอน กวี จดหมาย บอกเล่ากับสังคม
หรืออย่างรายนายนที ที่ใช้เสียงตะโกนก้องไปทั่วแยกราชประสงค์
แล้ววันนี้คนทั่วโลกก็ได้รับรู้กันอีกครั้งว่า รัฐบาลที่ยังคาราคาซังกับเหตุ 90 ศพ
จับกุมประชาชนด้วยข้อหา ส่งเสียงดังกลางพื้นที่ที่มีคนตาย!
วงค์ ตาวัน
ภาพข่าวและคลิปที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ทั่วโลก ได้เห็นนาทีตำรวจนอกเครื่องแบบกรูกันเข้าหิ้วตัวนายนที สรวารี ที่บริเวณแยกราชประสงค์
ทระนงองอาจ สมศักดิ์ศรีผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จริงๆ
แล้วตำรวจชุดที่เข้าไปล็อกตัวชายที่"มาคนเดียว" ล้วนแต่สายสืบนอกเครื่องแบบ นักสืบนักอุ้มทั้งนั้น
ถ้าลงมือกับโจรผู้ร้ายประวัติฉกาจก็ว่าไปอย่าง
แต่นี่กระทำกับประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมผูกผ้า แดง โดย"มาเพียงคนเดียว" ไม่ได้มา 5-6 คน ไม่ได้กระทำผิดพ.ร.ก.
อาวุธที่มีคือ ปากที่เปล่งเสียงตะโกนสู้กับเครื่องขยายเสียงของตำรวจ
หรือถ้าจะมีอีกอย่าง คือ นิ้วกลาง ที่ชูให้กับอำนาจรัฐ!
นับจาก 19 พ.ค. ผ่านมาแล้ว 2 เดือน เสียงร้องหาความจริงในเหตุการณ์นองเลือด ไม่ได้จางหาย ไปเลย
ใครที่คิดว่ามีพ.ร.ก.ฉุกเฉินสามารถจับใครไปขังเพื่อปิดปากก็ได้นั้น คงรู้แล้วว่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
ไม่มีใครปิดฟ้าด้วยฝ่ามือได้!!
แล้วยิ่งรัฐบาลกำลังสร้างศัตรูกับคนที่มีต้นทุนทางสังคม อย่างเช่น อาจารย์สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือแม้แต่นายนที สรวารี
จะกลายเป็นแนวรบที่จะสร้างความลำบากให้กับรัฐบาลมากขึ้นๆ
ส่งผลสะเทือนแผ่กว้างไปเรื่อยๆ
พวกนี้ไม่ใช่แกนนำม็อบ แต่โดดเข้ามาร่วม เมื่อรัฐใช้ทหารปราบม็อบและมีคนตายมากมายเกือบร้อย
คนเหล่านี้อาจไม่โด่งดังเท่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ทำงานเพื่อสังคมมายาวนาน ทำประโยชน์ให้กับเพื่อนมนุษย์มามากกว่านายอภิสิทธิ์ด้วยซ้ำ
ขอยืนยัน!!
อาจจะไม่เป็นที่รู้จักมากเท่านายกฯ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้จักและนับถืออย่างหนักแน่น เช่น คนยากไร้บนภูเขา ในชนบท คนเร่ร่อนในเมืองหลวง
แล้วคนเหล่านี้กล้ายืนหยัดในความจริง โดยไม่ต้องมีม็อบห้อมล้อม
ต่อสู้ด้วยสันติวิธี ต่อต้านอำนาจด้วยการอดข้าว ด้วยการท้าทายให้มาจับ เขียนกลอน กวี จดหมาย บอกเล่ากับสังคม
หรืออย่างรายนายนที ที่ใช้เสียงตะโกนก้องไปทั่วแยกราชประสงค์
แล้ววันนี้คนทั่วโลกก็ได้รับรู้กันอีกครั้งว่า รัฐบาลที่ยังคาราคาซังกับเหตุ 90 ศพ
จับกุมประชาชนด้วยข้อหา ส่งเสียงดังกลางพื้นที่ที่มีคนตาย!