เรื่องจากปก |
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ |
ปีที่ 11 ฉบับที่ 2844 ประจำวัน อังคาร ที่ 20 กรกฏาคม 2010 |
โดย - |
ดีเอสไอโชว์ปืน-กระสุน-ระเบิดที่ได้จากการล่อซื้อมาจากมือขวา “เสธ.แดง” เผยใช้เงินแค่ 60,000 บาทแต่ได้อาวุธสงครามร้ายแรงมาเพียบ อ้างผู้ต้องหาไม่ได้ลงทุนและไม่ได้ค้าอาวุธเป็นอาชีพเลยคิดราคาถูก ยันตั้ง 8 ข้อหาไม่ได้ยกเมฆ ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน ด้าน “แม่-เมีย” ของ “สุรชัย” โผล่ขอความเป็นธรรม จี้ดีเอสไอหยุดกล่าวหาหากหลักฐานยังไม่ชัดเจน ตั้งข้อสังเกตเป็นมือขวา เสธ. คนดังทำงานใหญ่แต่ทำไมไม่มีเงินใช้ ทำไมยังอยู่ห้องเช่าเดือนละ 1,500 บาท ชี้แจงข่าวไปฝึกอาวุธเมืองจีนที่แท้ไปเที่ยวกับบริษัททัวร์
วันที่ 19 ก.ค. 2553 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีดีเอสไอ ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดีจับกุมนายสุรชัย เทวรัตน์ หรือหรั่ง ลูกน้องคนสนิทของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง
โชว์อาวุธล่อซื้อจาก “หรั่ง”
พ.ต.อ.ณรัชต์กล่าวว่า ก่อนการจับกุมเมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา ดีเอสไอได้ล่อซื้ออาวุธจากลุ่มนายหรั่ง ประกอบด้วยปืนอาก้า 4 กระบอก 1 ใน 4 เป็นปืนใหม่ที่ผลิตจากประเทศจีน เครื่องยิงระเบิดเอ็ม 79 จำนวน 2 กระบอก ลูกระเบิดเอ็ม 79 หัวทองขนาด 40 มม. 4 ลูก และลูกระเบิดขนาด 40 มม. อีก 8 ลูก ซองกระสุนอาก้า 14 ซอง ซองกระสุนปืนเอ็ม 16 ขนาด 30 นัด 1 ซอง ซองกระสุนปืนเอ็ม 16 ขนาด 20 นัด 1 ซอง ลูกระเบิดขว้าง 57-89 ไอที 25 ลูก กระสุนเอ็ม 30 จำนวน 102 นัด กระสุนขนาด 5.56 มม. 614 นัด กระสุนเอเค 47 จำนวน 1,375 นัด ปลอกลูกกระสุน 40 มม. 1 ปลอก กระเป๋าใส่ซองกระสุน 4 ใบ กระเป๋าเป้ 4 ใบ และถุงปุ๋ย 2 ใบ
ใช้เงินล่อซื้อแค่ 6 หมื่นบาท
“จากการส่งสายลับเข้าไปหาข่าวพบว่านายหรั่งไปเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีหลังคนเสื้อแดงยุติการชุมนุม และสามารถจัดหาอาวุธที่สายสืบต้องการในการล่อซื้อมาให้ได้ โดยใช้เงินในการล่อซื้อ 60,000 บาท ตอนแรกตั้งใจว่าจะล่อซื้อเพื่อขยายผลให้ได้มากกว่านี้ แต่นายหรั่งเริ่มรู้ตัวก่อนจึงต้องจับกุมมาดำเนินคดี”
รองอธิบดีดีเอสไอกล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะนำอาวุธที่ได้จากการล่อซื้อไปตรวจพิสูจน์อย่างละเอียด โดยจะดูว่าเป็นอาวุธที่ผลิตจากที่ใด และนำเข้ามาได้อย่างไร ส่วนการขยายผลคดีจะมีการออกหมายจับเพิ่มอีก 4 คน
ตั้ง 8 ข้อหาหนักไม่เกินเลย
ด้านนายธาริตกล่าวว่า การตั้งข้อกล่าวหากับนายหรั่ง 8 ข้อหาไม่ใช่เรื่องเกินเลย ทุกคดีมีพยานหลักฐานชัดเจน หากเปรียบเทียบกับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นเฉพาะแค่คดียิงเอ็ม 79 มีมากถึง 60 คดี ซึ่งทั้งหมดเป็นกลุ่มเดียวกัน
“หากบ้านเมืองอยู่ในช่วงปรกติคนคนเดียวอาจจะไม่สามารถก่อความไม่สงบได้มากถึง 8 คดี แต่กรณีนี้เป็นเรื่องที่เกิดในช่วงบ้านเมืองไม่เป็นปรกติ มีการเวียนกันทำงานในกลุ่มผู้ก่อเหตุ ซึ่งดีเอสไอมีทั้งภาพถ่ายและประวัติของผู้ก่อเหตุ ส่วนการนำอาวุธสงครามออกมาขายก็เป็นเพียงกิจกรรมหนึ่งที่ทำหลังยุติการชุมนุม ยังมีพฤติกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายอีก” นายธาริตกล่าว
ย้ำดีเอสไอมีหน้าที่ค้นหาความจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่าฝ่ายความมั่นคงระบุว่านายหรั่งเป็นแค่ตัวประกอบไม่ใช่ตัวการหลัก อธิบดีดีเอสไอกล่าวย้อนถามว่า หน่วยไหน เรื่องนี้อาจมีข้อเท็จจริงที่แตกต่างกัน ดีเอสไอมีหน้าที่ค้นหาความจริง ซึ่งก็พบพยานหลักฐานต่างๆตามที่ได้ชี้แจงไป
“ถ้านายหรั่งไม่ใช่คนสำคัญคงจะไม่ไปมาหาสู่และอยู่เคียงข้าง เสธ.แดงตลอดเวลา ซึ่งการเดินทางไปต่างประเทศดีเอสไอก็มีหลักฐานทั้งไฟท์การเดินทาง หนังสือเดินทาง ภาพปรากฏที่สุวรรณภูมิชัดเจน ถ้าไม่มีความสำคัญก็คงจะไม่เกี่ยวข้องมากขนาดนั้น” นายธาริตกล่าว
“หรั่ง” ไม่ใช่นักค้าอาวุธเลยขายถูก
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าเงินล่อซื้อ 60,000 บาทดูเหมือนจะน้อยเกินกว่าอาวุธที่นำมาโชว์ อธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า อาวุธที่ได้ล่อซื้อมานายหรั่งอาจไม่ได้ลงทุนก็ได้ ประกอบกับนายหรั่งเองก็ไม่ได้ทำเรื่องค้าอาวุธเป็นหลัก ซึ่งในตอนแรกเขาเสนอขายราคา 100,000 บาท เมื่อดูตามข้อเท็จจริงอาวุธมีราคามากกว่านั้น
ยันมีหลักฐานเชื่อมโยงแกนนำเสื้อแดง
ส่วนการเชื่อมโยงกับแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดินนั้น นายธาริตกล่าวว่า นายหรั่งกับแกนนำ นปช. มีความเชื่อมโยงกันอยู่แล้ว เป็นขบวนการที่ต่อถึงกันทั้งหมด การที่ดีเอสไอนำไปโยงเป็นข้อเท็จจริงจากการสืบสวนทั้งสิ้น
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค พร้อมด้วยนางเกลี้ยง แสนแกล้ว มารดา และนางเดือน ตาไธสง ภรรยาของนายหรั่ง ร่วมกันแถลง โดยนางเดือนกล่าวด้วยน้ำตาว่า อยากขอความเป็นธรรมให้สามี เพราะเกรงว่าจะตกเป็นแพะและอยากให้ดีเอสไอนำพยานหลักฐานมาแสดงมากกว่านี้ เพราะเป็นข้อกล่าวหาในคดีร้ายแรง
เมียแฉชีวิตยากลำบากเหมือนเดิม
“ผิดว่ากันไปตามผิด ไม่มีปัญหา แต่อยากให้แสดงหลักฐานที่ชัดเจนก่อนกล่าวหา เพราะผู้ถูกกล่าวหาตกเป็นจำเลยของสังคม ถูกมองว่าทำผิดทั้งทีคดียังไม่จบ นางเดือนกล่าวและว่า ที่ผ่านมายังมีชีวิตความเป็นอยู่เหมือนเดิม ยังต้องอยู่ห้องเช่าเดือนละ 1,500 บาท ย่านจรัญสนิทวงศ์ และที่ผ่านมาสามีก็เอาเงินมาให้ใช้เพียง 10,000 บาท
งงทำงานใหญ่ทำไมไม่มีเงิน
นางเกลี้ยงกล่าวเสริมว่า ถ้าเขาเป็นมือขวา เสธ.แดงจริง เขาทำงานใหญ่ก็ต้องมีเงินมากกว่านี้ แต่เวลากลับบ้านทำไมไม่มีเงินติดตัว จะขึ้นรถกลับกรุงเทพฯยังต้องขอเงินแม่กลับ
นายพร้อมพงศ์ถามว่าที่มีข่าวว่าไปเมืองจีนไปกับทัวร์ใช่ไหม นางเดือนและนางเกลี้ยงกล่าวทำนองเดียวกันว่า ไปเที่ยว ไปกับทัวร์ คนที่ไปมีทั้งเด็กและผู้หญิง
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมโดนจับที่จังหวัดลพบุรี นางเดือนกล่าวว่า ปรกติเขาก็ไปชุมนุมบ้างเป็นบางวัน ไปนอนที่ม็อบบ้าง แต่เขาเป็นแค่การ์ดธรรมดา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องไปนอนที่ลพบุรี
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า พรรคจะตรวจสอบตามคำร้องเรียนของมารดาและภรรยาเพื่อให้กระบวนการทำงานของดีเอสไอมีความโปร่งใส เพราะเกรงเหมือนกันว่านายหรั่งจะเป็นแพะหรือถูกทำให้เป็นคดีทางการเมือง