คอลัมน์ เหล็กใน
หลังบ้านเมืองผ่านเหตุการณ์เดือนพฤษภา 90 ศพ 5 ใครก็ตามที่เคยคิดว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่น่าจะลากสังขารอยู่ต่อไปได้
โดยนำไปเทียบเคียงกับเหตุการณ์นองเลือดในอดีตอย่าง 14 ตุลา 16, 6 ตุลา 19 และพฤษภาทมิฬ 35 ที่เมื่อผ่านเหตุการณ์นั้นๆ ไปแล้ว "ผู้นำ" ประเทศต้องมีอันเป็นไปทางการเมืองทุกคน
ครั้งนี้คงต้องผิดหวัง
ยิ่งดูจากสีหน้าท่าทางแววตาและรอยยิ้มของนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยิ่งเห็นถึงความมั่นใจว่าจะอยู่เป็นรัฐบาลยาวไปจนครบวาระปลายปีหน้าแน่นอน
ไม่มีใครตอบได้ว่านายอภิสิทธิ์มี "ของดี" อะไรช่วยให้รอดสันดอนมาได้ถึงทุกวันนี้
แต่แล้วท่ามกลางความมั่นใจดังกล่าว ก็เริ่ม มีบางอย่างแสดงถึงการใช้อำนาจอย่างไม่ระมัด ระวัง
จะด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือเป็นเพราะความประมาทก็แล้วแต่
ได้ทำให้เกิดกระแสตีกลับ รัฐบาลตกเป็นฝ่ายเพลี่ยง พล้ำเสียเองอย่างกรณี "มาร์ค วี 11" กรณี นายนที สร วารี หรือแม้แต่กรณี 5 นักเรียนนักศึกษาเชียงราย เป็นต้น
เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่รัฐบาลต้องระมัดระวังอย่างหนักตอนนี้
คือการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ซึ่งกำลังกระทำการอะไรบางอย่างที่ดูเผินๆ เหมือนจะ "เป็นคุณ" กับรัฐบาล
แต่ในระยะยาวอาจมีผลลัพธ์ในทิศทางตรงกันข้าม
ไม่ว่ารัฐบาลจะมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ก็ตาม อย่างการตัดตอนสั่งไม่ฟ้องบริษัททีพีไอฯ ไซฟ่อนเงิน 263 ล้านบาท อันเป็นต้นทางของคดีฟ้องยุบพรรคประชาธิปัตย์
ก็เป็นอะไรที่ประเจิดประเจ้อเกินไปหน่อย
คดีจับกุมนายหรั่ง ลูกน้องเสธ.แดง ก็มีข้อน่าสงสัยเต็มไปหมด
นายกฯ อภิสิทธิ์ และรัฐบาลชื่นชม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอเป็นข้าราชการที่กล้าหาญ
แต่อย่าลืมเด็ดขาดอำนาจคือดาบสองคม
รัฐบาลที่พังทลายเพราะใช้อำนาจนอกลู่นอกทาง ผ่านกลไกข้าราชการที่พร้อมจะตอบสนองทุกเรื่อง จนอำนาจนั้นตวัดกลับมาทำลายตัวเองก็มีให้เห็นนักต่อนัก
คงจำกันได้ในปลายยุค "รัฐบาลทักษิณ" เราได้เห็นข้าราชการ "ใจกล้า ห้าห่วง" อย่าง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธาน กกต.มาแล้ว
ตอนนี้เรากำลังได้เห็นข้าราชการอย่าง นายธาริต เพ็งดิษฐ์
คำถามคือบั้นปลายของ "รัฐบาลอภิสิทธิ์"
ใกล้เข้ามาแล้วหรือไม่
โดยนำไปเทียบเคียงกับเหตุการณ์นองเลือดในอดีตอย่าง 14 ตุลา 16, 6 ตุลา 19 และพฤษภาทมิฬ 35 ที่เมื่อผ่านเหตุการณ์นั้นๆ ไปแล้ว "ผู้นำ" ประเทศต้องมีอันเป็นไปทางการเมืองทุกคน
ครั้งนี้คงต้องผิดหวัง
ยิ่งดูจากสีหน้าท่าทางแววตาและรอยยิ้มของนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยิ่งเห็นถึงความมั่นใจว่าจะอยู่เป็นรัฐบาลยาวไปจนครบวาระปลายปีหน้าแน่นอน
ไม่มีใครตอบได้ว่านายอภิสิทธิ์มี "ของดี" อะไรช่วยให้รอดสันดอนมาได้ถึงทุกวันนี้
แต่แล้วท่ามกลางความมั่นใจดังกล่าว ก็เริ่ม มีบางอย่างแสดงถึงการใช้อำนาจอย่างไม่ระมัด ระวัง
จะด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือเป็นเพราะความประมาทก็แล้วแต่
ได้ทำให้เกิดกระแสตีกลับ รัฐบาลตกเป็นฝ่ายเพลี่ยง พล้ำเสียเองอย่างกรณี "มาร์ค วี 11" กรณี นายนที สร วารี หรือแม้แต่กรณี 5 นักเรียนนักศึกษาเชียงราย เป็นต้น
เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่รัฐบาลต้องระมัดระวังอย่างหนักตอนนี้
คือการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ซึ่งกำลังกระทำการอะไรบางอย่างที่ดูเผินๆ เหมือนจะ "เป็นคุณ" กับรัฐบาล
แต่ในระยะยาวอาจมีผลลัพธ์ในทิศทางตรงกันข้าม
ไม่ว่ารัฐบาลจะมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ก็ตาม อย่างการตัดตอนสั่งไม่ฟ้องบริษัททีพีไอฯ ไซฟ่อนเงิน 263 ล้านบาท อันเป็นต้นทางของคดีฟ้องยุบพรรคประชาธิปัตย์
ก็เป็นอะไรที่ประเจิดประเจ้อเกินไปหน่อย
คดีจับกุมนายหรั่ง ลูกน้องเสธ.แดง ก็มีข้อน่าสงสัยเต็มไปหมด
นายกฯ อภิสิทธิ์ และรัฐบาลชื่นชม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอเป็นข้าราชการที่กล้าหาญ
แต่อย่าลืมเด็ดขาดอำนาจคือดาบสองคม
รัฐบาลที่พังทลายเพราะใช้อำนาจนอกลู่นอกทาง ผ่านกลไกข้าราชการที่พร้อมจะตอบสนองทุกเรื่อง จนอำนาจนั้นตวัดกลับมาทำลายตัวเองก็มีให้เห็นนักต่อนัก
คงจำกันได้ในปลายยุค "รัฐบาลทักษิณ" เราได้เห็นข้าราชการ "ใจกล้า ห้าห่วง" อย่าง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธาน กกต.มาแล้ว
ตอนนี้เรากำลังได้เห็นข้าราชการอย่าง นายธาริต เพ็งดิษฐ์
คำถามคือบั้นปลายของ "รัฐบาลอภิสิทธิ์"
ใกล้เข้ามาแล้วหรือไม่