๑.
พลิก ใจกระดิกจิตด้วย ดวงมณี
ฟ้า แปลกฟ้าเปลี่ยนสี สลับครั้ง
คว่ำ สวรรค์สั่นธรณี ขยับอก นรกฤๅ
ดิน ย่อมดินอยู่ยั้ง หยัดเย้ยอธรรมหยาม
พลิกแผ่นดินกระชากฟ้า เฟือนหาว
ดาวดับแดงเดือดกราว กราดเกรี้ยว
ดวงแดดุจเมฆขาว คลาเคลื่อน
คลุมครอบขอบฟ้าเสี้ยว เสกสร้างธุลีสรวง
ศักดิ์ศรีแห่งมนุษย์สิ้น ยอมสยบ
นานนับกี่กัปนบ แนบเท้า
ก้มหน้าแผ่นดินกลบ กรานกราบ
ใครแบ่งชนไพร่-เจ้า แยกชั้นสวรรยา
ชนชั้นสวมบทแม้น สมมติ
มโนเสกมนัสยุทธ์ มนุษย์สร้าง
คาวเลือดหล่อมงกุฎ บัลลังก์กร่อน
คุณค่าคงคู่ค้าง คว่ำฟ้าดินเฟือน.
.......................................................
๒. พลิกดินคว่ำฟ้า
พลิก ใดในโลกหล้า โลกันตร์
ดิน ดับเดือดแดงดัน ทะลุด้าว
คว่ำ เนตรโศกนองศัลย์ ทะเลศพ
ฟ้า กราดแสงก้าวร้าว กวาดล้างธุลีสลาย
สูงนักหรือขอบฟ้า ฝันครอง
ผูกขาดเป็นเจ้าของ เขตหล้า
ต่ำนักจิตจองหอง ผยองศักดิ์
เผยอสิทธิ์คิดทายท้า กระชากฟ้าเสมอดิน
อำมาตย์จวนกลบสิ้น กาลวสาน
โลกเปลี่ยนดฤถีวาร เวี่ยไว้
ดูราประชาราน ระบมระบอบ
ขมขื่นขุกเข็ญไข้ คร่ำแค้นคหบดินทร์
กฎหมู่ไยอยู่ค้ำ กฎหมาย
พฤษภ-เมษาวาย วอดสู้
ตาหูปากปิดตาย ตรวนลิ่ม
รากไพร่พลันเรียนรู้ เริ่มต้นอธิปไตย
พลิก หน้าประวัติศาสตร์แล้ว ราษฎร
ฟ้า พร่าแสงประภัสสร เสื่อมถ้วน
คว่ำ คุณค่าทิฆัมพร คลอนสั่น
ดิน เกลือกดินกอดม้วน กบฏแม้นกบิลเมือง.
เพ็ญ ภัคตะ
พฤษภาคม ๒๕๕๓