กฤษณ์ วงศ์วิเศษธร
นักศึกษาปริญญาโทสาขากฎหมายมหาชน
ผมยังคงยืนยันความคิดเดิมว่า ผมศรัทธาใน "ระบบ" ไม่ใช่ "คน" และไม่เคยคิดจะตั้งความหวัง หรือเซ่นสังเวยความศรัทธาให้คนที่ทุกคนว่าดี
เพราะคนเรานั้น ต้องยอมรับว่ามันมีทั้ง "ดี" และ "เลว" ในตัว
(ปัญหาว่าใครมีอะไรมากกว่ากันระหว่าง ดีกับเลว เป็นเรื่องที่ปลีกย่อย)
ณ วันหนึ่ง เราอาจพบว่ามันดีมากที่เป็น "คนนี้" หรือ "คนกลุ่มนี้" เป็นผู้ลงมือกระทำ หรือขับเคลื่อนอะไรบางอย่าง แต่เราต้องไม่ลืมว่า ตราบใดที่เรายังเป็นคนไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่ามันจะดีอย่างนี้ได้ตลอดไปหรือเปล่า และซ้ำร้าย หากคนเหล่านี้ล้ม หาย ตาย จากไป ก็เท่ากับว่าเราต้องเริ่มกลับไป “เสี่ยง” นับหนึ่งอีกรอบสำหรับการควานหา และตั้งความหวังกับ "คน" อีกรอบ
ในทางกลับกัน หากเป็นระบบที่ดี ย่อมเป็นเครื่องมือรับประกันว่าอย่างน้อยที่สุด เราจะไม่ต้องแขวนผลสำเร็จของอะไร บางอย่างไว้กับคนที่ไม่แน่นอน หากคนเหล่านี้ล้มหายตายจากไป คนที่เข้ามาใหม่ ก็มีการรับประกันได้ว่าผลสำเร็จ หรือการทำงานจะยังคงเป็นระบบระเบียบอย่างเดิมวัฒนธรรมการนับถือคน และพร้อมใจกันสถาปนาว่าคนนั้น เป็น "คนดี" เหมือนกับการหลงลืมชั่วคราวว่านี่คือคน ที่มีทั้งดีและไม่ดี
ที่น่าสนใจ คือ บางครั้งคนดีที่คนอื่นยกย่องเหล่านี้พร้อมจะนำเสนอ และทำการตลาดความดีของตน ไม่ว่าจะด้วยตนเอง หรือบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย
ภายใต้ใบหน้าของอุดมการณ์ หรือความดีงาม เรามักพบว่าความฟอนเฟะอันน่าสมเพช และความตื้นเขินอันหาแก่นสารไม่ได้ ความมีแก่นแท้จริงแล้วเป็นความกลวงและลวงตาอย่างที่สุดแต่คนก็ยังยกย่องอย่างไม่ลืมหู ลืมตา!!!
ความเดือดร้อนมันจะไปเกิดขึ้น หากคุณไม่ไปแตะต้อง หรือพยายามแตะต้องบุคคลที่เป็นสัญลักษณ์ของความดีนั้น
คำถามอย่างน้อยที่สุดสำหรับบทความนี้ คือ จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณไปวิพากษ์บุคคลที่คนอื่นว่าเป็นคนดี ?แน่นอน สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการเผชิญหน้าอย่างบ้าคลั่งกับผู้นิยมคนดีคนนั้นๆ ความรุนแรงย่อมขึ้นอยู่กับระดับของความบ้าคลั่ง ตั้งแต่การด่าทอ การรวมกลุ่มกดดัน หรือการทำร้ายกันทั้งร่ายกายและจิตใจ
ใครไม่ยกย่อง หรือชื่นชม เอ็งผิด เอ็งเลว
โสกราติสนักปราชญ์เรืองนามชาวกรีกได้กล่าวว่า
"ชีวิตที่ปราศจากการตรวจสอบ มิควรค่าที่จะดำรงอยู่ต่อไป"
เช่นเดียวกันกับคนดีของทุกคน หากเราไม่อาจแตะต้องหรือวิพากษ์ได้ ย่อมเป็นเรื่องที่น่าหดหู่
และการปรักปรำคนที่พยายามตั้งคำถามและวิพากษ์คนดีคนนั้นว่า เป็น "คนไม่ดี" "คนผิด" หรือ "คนเลว"
ย่อมเป็นเรื่องตลกร้ายที่น่าเวทนาสุดๆ
แต่มันเกิดขึ้นแล้วในสังคมเรา สังคมที่เรามองว่าเรายอมรับในความเห็นต่างได้
จริงๆ แล้วไม่!!!
หลักฐานชิ้นสำคัญว่าเราไม่พร้อมในการรับฟังซึ่งกันและกัน คือ คนไทยไม่เคยประสบความสำเร็จในการทำกิจกรรมเป็นหมู่คณะมาก่อน
เราไม่เคยเห็นกีฬาที่เล่นเป็นทีมอย่างฟุตบอลประสบความสำเร็จ เท่าเล่นคนเดียวอย่าง "ชกมวย" "ยกน้ำหนัก"เพราะทักษะในการพร้อมรับการวิจารณ์และวิจารณ์ได้ของเรามีน้อยมากในขณะเดียวกัน เรายังนิยมระบบบริหารคนเดียวอย่าง CEO มากกว่าการบริการเป็นกลุ่มอย่างในยุโรป
แสดงว่า ปัญหานี้เป็นปัญหาพื้นฐานของสังคมเราจริงๆ
สภาพสังคมแบบนี้ล่ะ ที่ทำให้เรา "สมองฝ่อ" ไม่คิดอะไรใหม่ หรือไม่กล้าจะคิดให้ต่างออกไปเอาง่ายๆ หลายชื่นชม สตีฟ จ๊อบ และชื่นชอบ iphone และเราก็เลียนแบบตามในสิ่งที่เขา คิดมาแล้ว
เราไม่พยายามจะคิดให้ได้อย่างเขา
ความคิดอันสวยหรูก็เช่นเดียวกัน หลายคนเอาแต่ชื่นชมจนหลงลืมการคิดในมุมต่างๆ และเราก็ลืมที่จะคิดให้ดีขึ้น
บางคนกด "ชื่นชอบ" "Like" ความคิดคนอื่น แต่ชีวิตก็ไม่เคยจะคิดหรือเขียน อะไรให้คนอื่นมากด Like ตนเองบ้างเลยนี่เป็นความสลดของผลกระทบระดับมหภาคในการที่เราถูกล้อมกรอบไม่ให้กล้าวิพากษ์ "คนดี"
มันทำให้เราไม่กล้าคิดอะไรที่ต่าง ไปจากอื่นๆ เพราะจะถูกพิพากษาทันทีว่าเป็นคนไม่ดีตอนนี้ผมเริ่มคิดว่า "คนดี" นี่เหมือนอะไรกัน พอมือเราไม่แตะโดนกลับเหม็นหึ่งติดมืออย่างไม่จางหายไป
ลองคิดดู!!!