ทิ้งหมัดเข้ามุม
คาดเชือก คาถาพัน
นายศิริโชค โสภา ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่คนทั่วไปรู้จักในฐานะ "วอลเปเปอร์" เพราะอยู่เป็นเงาติดตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ก็ยังอยู่ในสถานะเดิมได้อย่างไม่มีอะไรกระทบ กระเทือน
เฉพาะกรณีล่าสุดอย่างการเข้าเยี่ยมวิกเตอร์ บูท ที่ก่อปัญหาสารพัดตามมา
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ ไปจนถึงความเหมาะสมในความประพฤติหรือการกระทำ ที่คนวิจารณ์กันขรม
แม้กระทั่งคนในพรรคเดียวกันอย่าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือ นายเทพไท เสนพงศ์ ยังต้องออกมาให้สัมภาษณ์ในทำนอง "ลอยแพ" อยู่กลายๆ
ว่าใครทำก็รับผลกรรมของตัวเองไป ไม่เกี่ยวกับพรรค
นายอภิสิทธิ์ก็ยังแสดงจุดยืนว่าพร้อมโอบอุ้มเงาตามตัวรายนี้อย่างเปิดเผย
ไม่เพียงเชื่อมั่นในคำยืนยันของคนสนิท ว่าใช้ฐานะส.ส.ธรรมดา เข้าไปเยี่ยมนายบูทถึงในคุกช่วงวันหยุด
ไม่ได้ไปในฐานะ "คนสนิทนายกฯ" ตามที่นายบูทและภรรยาระบุ
ยังมี "หางเสียง" และ "หางตา" เข้าใส่คนที่ไปถามจี้ใจดำเรื่องนี้อีกด้วย
จนมีคนตั้งข้อสงสัยว่า ที่นายศิริโชคระบุว่าทุกอย่างทำไปเองโดยลำพัง นายกรัฐมนตรีไม่รับรู้มาก่อนนั้น
จริงหรือ?
ตัวติดกันเสียขนาดนั้น
และรู้ทั้งรู้ว่าทำไปแล้วจะต้องเป็นเรื่องใหญ่ติดตามมา(ถ้าความแตก) แต่ก็ยังกล้าทำ
ทำไปโดยพลการแน่หรือ
ภาษิตไทยแต่เดิมประ โยคที่ว่า "นายว่า ขี้ข้าพลอย" นั้นยังใช้ได้อยู่ทุกยุคสมัย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ถ้าสันดานคนยังไม่เปลี่ยน
ถ้ายังถือว่าอำนาจคือที่มาของผลประโยชน์ และอำนาจของนายก็คือผลประโยชน์ของตัวข้า
จะอมพระมาพูด หรือโลกจะเปลี่ยนไปไฮเทค 3 จี 4 จีถึงไหน
บางอย่างก็ไม่ได้เปลี่ยนตามไปด้วยเลย