"ยืนยันได้ว่า ไม่มีทหารคนไหนคิดจะปฏิวัติ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เลย และจะมีการเลือกตั้งอย่างแน่นอน"
ประโยคข้างต้นจะมีน้ำหนักกว่านี้ ถ้าคนพูดมียศ "พลเอก" ระดับหัวแถวกองทัพ
ไม่ ใช่รองนายกฯรัฐบาลพลเรือนที่ชื่อ "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ที่ออกมาบอกปัดกระแสข่าวปล่อยจากฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย อ้างมีกลุ่มทหารจ้องปฏิวัติ ล้มกระดานการเมือง
ตัดเกมไม่ให้มีการเลือกตั้ง
แต่ ที่แน่ๆ โดยความต่อเนื่องของประเด็นมันคาบเกี่ยวกับคิวที่อยู่ๆนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่รับมุกคำถามนักข่าวเป็นนัยๆ หากมีการยุบสภาในห้วงเวลานี้
หวั่นว่าจะไม่มีการเลือกตั้ง
ตามปรากฏการณ์ มันจึงน่าเอะใจ ทำไมปม "ล้มเลือกตั้ง" ถึงถูกจุดพลุขึ้นมา
ชักพูดกันหนาหูขึ้นเรื่อยๆ
ใน สถานการณ์ที่ยังจับต้นชนปลายไม่ได้ ทางหนึ่ง พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม แสดงความขอบคุณอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่ปลีกวิเวกเงียบหายไปจากเกมชิงกระแส
ทำให้ความวุ่นวายของบ้านเมืองคลี่คลายไปในระดับหนึ่ง
แต่ อีกด้านก็เป็นเจ้าเก่า นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ประกาศเสียงดังหลังย่องเข้าประเทศ มอนเตเนโกร เดินหน้าภารกิจตามล่าอดีตนายกฯทักษิณ กำลังประสานงานเพื่อทำให้ชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไปอยู่ในรายชื่อผู้ที่ต้องการตัวของตำรวจสากล
ตามเงื่อนไขที่มอนเตเนโกรรับปากจะจับกุมตัวอดีตนายกฯไทย
และ เหมือนจะเริ่มสัญญาณบู๊กันใหม่ กับเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงถล่มแนวร่วมคนเสื้อแดงที่จังหวัดเชียงใหม่ ตามแนวสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจโยงกับกลุ่มคนมีสีตั้งหน่วยไล่ล่าคนเสื้อ แดง ทั้งการนำกำลังเข้าค้นบ้านเรือนบนดอย พร้อมทั้งข่มขู่ห้ามคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวในพื้นที่อย่างเด็ดขาด
ล่า สุด เหตุเกิดกลางวันแสกๆของวันที่ 31 สิงหาคม ไอ้โม่งยิงระเบิดเอ็ม 79 ลงบริเวณที่จอดรถสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ถนนวิภาวดีรังสิต
สถานการณ์ชัด มีคนต้องการ "กระพือไฟ"
ทั้ง หมดทั้งปวง ภายใต้เงื่อนไขไฟต์บังคับทางการเมืองที่โยงกับคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ที่แนวโน้มหนทางตีบตันเต็มที ตามคิว "เด้งแรก" จากปมใช้เงินกองทุนสนับสนุนพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ผิดวัตถุประสงค์
ไม่ มีรายการ "หักมุม" ตามกระแสข่าวก่อนหน้าที่ฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย ออกมาตีปี๊บดักทาง มีความพยายาม "ยัดเงิน" ให้ พยานปากเอกกลับคำในชั้นศาล
แกะแบบคำต่อคำ ตามความในหนังสือพิมพ์มติชนฉบับเช้าวันที่ 31 สิงหาคม
"โคตร ทนาย" นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ หัวหอกทีมว่าความคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ เปิดลีลาซักค้านนายประจวบ (คณาปติ) สังข์ขาว อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัท เมซไซอะ บิซิเนส แอนด์
ครีเอชั่น จำกัด ในฐานะพยานฝ่ายผู้ร้อง
ไล่ บี้ไล่ต้อน พยายามโยงสัมพันธ์พยานปากเอกกับบิ๊กการพรรคเพื่อไทย อดีตนายทหาร จปร.7 คนดัง ไปยันอดีตรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
ต่อจิ๊กซอว์ให้เห็นภาพเกมยุบประชาธิปัตย์ เป็นแผนกลั่น- แกล้งทางการเมือง
แต่นายประจวบก็เน้นตอบสั้นๆ ตามมุกถ้าโดนคำถามคาดคั้นมากๆ ก็ไม่ขอตอบ หรือไม่ก็บอกจำไม่ได้ และกับบทสรุปตบท้าย
ยืนยันตามที่เคยให้การไว้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
รูป การณ์เดียวกับการซักค้านพยานฝ่ายผู้ร้องคิวก่อนหน้า ที่ทีมงานเจ้าหน้าที่ในชุดอนุกรรมการ กกต.โชว์แผ่นชาร์ต แสดงเส้นทางการไหลของเงิน โยงข้อพิรุธได้แบบเห็นเนื้อเห็นหนัง ไม่หลงเหลี่ยมตามมุกที่ทีมทนายประชาธิปัตย์อาศัยลูกเก๋าซักค้าน โยงสายสัมพันธ์ส่วนตัวกับฝ่ายตรงข้ามพรรคประชาธิปัตย์
สรุปพยานฝ่ายผู้ร้องต่างยึดคำให้การและหลักฐานตามสำนวนของ กกต.เป็นที่ตั้ง
ซึ่ง ระดับความแน่นหนาก็การันตีจากการที่ 5 เสือ กกต. ซึ่งล้วนแต่เป็นอดีตผู้พิพากษา อัยการ และปรมาจารย์กฎหมาย ลงมติ 5 ต่อ 0 สั่งให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์
หลักฐานแน่น พยานปึ้ก ล้อสถานการณ์ เร้ากระแสสองมาตรฐาน
โดยรูปการณ์ อย่างเก่งก็คงได้แค่ประวิงเวลา
วัดใจฝ่ายคุมเกมอำนาจ "เปลี่ยนมุกเล่น"
ทีมข่าวการเมือง รายงาน