ทนาย พร้อมครอบครัวผู้ต้องขังเข้าพบผู้ว่าสารคามขอความกรุณาออกหนังสือไม่ คัดค้านการประกันตัว ด้านผู้ว่าปัดยังไม่เห็นสำนวน ด้านศาลมหาสารคามยังไม่ยอมไม่ให้ประกันตัว 4 ผู้ต้องขัง
31 สิงหาคม พ.ศ.2553 เวลา 10.00 น. น.ส.เบญจรัตน์ มีเทียน ทนายความได้เดินทางมาพูดคุยเพื่อเตรียมการยื่นประกัน 10 ผู้ต้องหาคดีเตรียมการวางเพลิงเผาสถานที่ราชการต่อศาลจังหวัดมหาสารคาม โดยมีญาติพี่น้องของผู้ต้องขังมาร่วมพูดคุยประมาณ20คน
ใน ส่วนหนึ่งของการเตรียมการ น.ส.เบญจรัตน์ ได้แจ้งต่อญาติพี่น้องของผู้ต้องขังว่า ตนจะได้เดินทางไปขอเข้าพบ นายวีระพล สุพรรณไชยมาตย์ นายอำเภอเมืองมหาสารคาม เพื่อขอร้องให้นายวีระพลในฐานะที่เป็นผู้เสียหายในคดีดังกล่าวทำหนังสือไม่ คัดค้านการให้ประกันตัวต่อศาล โดยที่บรรดาญาติผู้เสียหายที่มาร่วมรับฟังได้ ขอติดตามไปพบเพื่อขอความเมตตาจากนายอำเภอด้วย
13.30 น. น.ส.เบญจรัตน์ ในฐานะทนายความและญาติพี่น้องผู้ต้องขังจำนวน 20คน ได้เดินทางไปที่ ที่ทำการอำเภอเมืองมหาสารคามโดยได้แจ้งความจำนงขอเข้าพบ นายวีระพล ตามเหตุผลข้างต้น ซึ่งคณะทนายความและญาติของผู้ต้องขังได้เข้าพบนายวีระพล เมือ่เวลาประมาณ14.00 น. หลังจากที่นายวีรพล ได้ฟังนางสาวเบญจรัตน์ชี้แจงถึงวัตถุประสงค์การเข้าพบแล้วนายวีรพลจึงได้ชี้ แจงต่อนางสาวเบญจรัตน์และบรรดาญาติของผู้ต้องขังว่าตนไม่มีอำนาจในการตัดสิน ใจและแนะนำให้ไปขอร้องต่อนายทองทวี พิมเสน ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม
น.ส.เบญจรัตน์และคณะจึงได้เดินทางไปขอพบนายทองทวี พิมเสน ผู้ว่าฯ ที่ห้องทำงานชั้น 4ของศาลากลางแห่งใหม่บริเวณศูนย์ราชการ เมื่อนายทองทวีได้ออกมาพบกับคณะก็ได้แสดงอาการไม่พอใจอย่างรุนแรงโดยที่ไม่ ได้ฟังคำขอร้องของ น.ส.เบญจรัตน์ จนสิ้นสุด นายทองทวีได้อ้างว่า”ผมยังไม่ได้เห็นสำนวนของคดีและจะขอพิจารณา เป็นรายๆไป” และขณะที่ญาติผู้ต้องขังจะกล่าวให้เหตุผลเพื่อขอความเห็นใจ นายทองทวีได้กล่าวตัดบทว่า”ผมไม่ชอบวิธีการของพวกคุณพร้อมกับเดินหันหลังหนี ไปพร้อมกับตำหนิเจ้าหน้าที่ว่า”ปล่อยให้พวกมันขึ้นมาได้อย่างไร”
น.ส.เบญจ รัตน์ได้แสดงความเห็นต่อผู้สื่อข่าวว่าตนรู้สึกสงสารและเสียใจ แทนญาติพี่น้องของผู้ต้องขังที่ไม่มีโอกาสในการชี้แจงถึงสภาพปัญหาและคิดว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าที่จะให้เวลาในการพูดคุยกับประชาชนและควรมีท่าทีรับ ฟังมากกว่านี้ นางวิจิตร ดวงพรหม ภรรยาของนายอุทัย คงหาญผู้ต้องขัง กล่าวว่าพอได้เห็นท่าทีของผู้ว่าแล้วตนก็รู้สึกขาอ่อนหมดหวังต่อเจ้าหน้าที่ บ้านเมือง ในขณะที่ญาติผู้ต้องขังอีกรายหนึ่งบอกว่า”รัฐบาลบอกว่าจะปรองดอง แต่เจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นมีท่าทีอย่างนี้แล้วมันจะปรองดองกันได้อย่างไร”
1 กันยายน พ.ศ.2553 เวลา 09.30 น. ญาติของ นายคมกฤษ คำวิเศษ นายภาณุพงษ์ พลเสน นายสุชล จันปัญญา และนายสมโภชน์ สีกากุล ได้เดินทางไปที่ศาลจังหวัดมหาสารคาม เพื่อยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัวผู้ต้องขังโดยในคำร้องได้ระบุว่า ผู้ต้องขังอยู่ในระหว่างการศึกษา การคุมขังผู้ต้องหาจะเป็นการจำกัดโอกาสในการศึกษา แต่ศาลฯได้สั่งยกคำ ร้อง ทำให้ทั้งผู้ต้องขังและญาติมิตรที่มารอคอยประสบกับความผิดหวังอีกครั้ง