จาก ประเทศกัมพูชาเรื่องพิพาทเขาพระวิหาร พม่าปิดด่านแม่สอด มาถึงรายการเสี้ยม เขาควายสองมหาอำนาจโลกรัสเซีย-สหรัฐอเมริกา ว่าด้วยคิวของ "วิคเตอร์ บูท"
ล่า สุดกำลังพันตูกับซาอุดีอาระเบีย ปมของการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม เป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะจำเลยในคดีการหายสาบสูญของ "อัลรูไวลี" นักธุรกิจ พระญาติราชวงศ์ไฟซาลแห่งซาอุฯ
"เรียกแขก" รอบทิศรอบทาง
ตามปรากฏการณ์ที่ปฏิเสธไม่ได้ รัฐบาลไทยภายใต้การนำของยี่ห้อประชาธิปัตย์มีแต่โจทก์รอบด้าน เพื่อนฝูงน้อยลงทุกทีในเวทีโลก
และ ถึงนาทีนี้ ไม่ว่าจะท่องคาถาปลอบใจกันเองยังไง ว่าไม่ใช่เรื่องหนักหนา แต่กรณีของ พล.ต.ท. สมคิด กำลังลุกลามใหญ่โต ชนิดเกินกำลังความรับผิดชอบของรัฐบาล ที่ต้องออกแรงเคลียร์กันมาตั้งแต่คิวของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ มาถึงชั้นของ "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง
ล่า สุด ถึงขั้นของหัวขบวนอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องเปิดบ้าน พิษณุโลก นั่งโต๊ะเคลียร์กับนายนาบิล เอช.อัชชรี อุปทูตซาอุฯประจำประเทศไทย
ยกแม่น้ำทั้งห้า แจกแจงการตั้ง พล.ต.ท.สมคิด เป็นรอบที่ 3 รอบที่ 4
แต่ ก็เอาไม่อยู่ โดยบทสรุปยังไม่เป็นที่พอใจ จากเดิมที่ทางการซาอุดีอาระเบีย ลดระดับความสัมพันธ์กับประเทศไทยจนเหลือแค่ระดับอุปทูต สัญญาณล่าสุดยังจับทางได้จากอาการติดๆขัดๆในการทำวีซ่าเข้าประเทศ
ส่งผลเต็มๆกับชาวไทยมุสลิมที่ต้องบินไปแสวงบุญที่นครเมกกะ
เรื่องของคนคนเดียว กระเทือนไปทั้งประเทศ
แน่ นอนในมุมของรัฐบาลประชาธิปัตย์ก็ต้องเสียงแข็ง ยังไงก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง เพราะเป็นเรื่องกิจการภายใน ยอมให้ต่างประเทศแทรกแซงไม่ได้
แต่เรื่องของเรื่องเลย กรณี พล.ต.ท.สมคิด กับคดี "อัลรูไวลี" ไม่ใช่เรื่องใหม่
เป็น คดีค้างคาต่อเนื่องมาตั้งแต่เจ้าตัวยศแค่พันตำรวจโท ระดับสารวัตร ก่อนจะเงียบหายไปเป็นสิบๆปี และมาฮือฮากันใหม่ในช่วงที่ พล.ต.ท.สมคิด นั่งเก้าอี้ ผบช.ภ.5 เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พลิกคดีใหม่และส่งเรื่องฟ้องศาล หลังพบหลักฐานเกี่ยวโยง
ตาม ปฏิกิริยาที่ทางการซาอุฯขยับไล่บี้ทันที ขณะที่เสียงจากฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยก็ร่วมด้วย ช่วยกดดันให้มีการสั่งพักราชการ หรือย้าย พล.ต.ท.สมคิด ออกจากตำแหน่ง ตามมาตรฐานปฏิบัติทั่วไปกับนายตำรวจใหญ่ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีสำคัญ
แต่ ก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ พล.ต.ท.สมคิดยังปึ้กอยู่บนเก้าอี้ ผบช.ภ.5 ก่อนจะเลื่อนชั้นตามคิวขยับขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. ตาม "เส้นปึ้กๆ" โยงไปถึงพี่ชายอย่าง พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช.
ที่ลึกกว่านั้น ไปค้นแฟ้มข่าวเก่าๆในคดียุบพรรคพลังประชาชน จะพบว่า 2 พี่น้อง "บุญถนอม" มีบทบาทสำคัญ เบื้องหลังล็อกกำนัน พยานปากสำคัญมัดนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาฯ ซื้อเสียงในจังหวัดเชียงราย จนนำไปสู่การยุบพรรคพลังประชาชน
พลิกขั้วมาเป็นรัฐบาลประชาธิปัตย์
สร้างผลงานเป็นคุณกับทางฝ่ายของนายกฯอภิสิทธิ์เต็มๆ
มัน จึงเป็นอะไรที่ออกตัวลำบาก กับเสียงวิจารณ์กรณี พล.ต.ท.สมคิด เป็นเรื่องทับซ้อนกันอย่างแยกไม่ออก ระหว่างผลประโยชน์ของรัฐบาลประชาธิปัตย์ กับผลประโยชน์ของประเทศชาติและคนไทย
อาจมีผลต่อความเป็นอยู่เป็นไปของรัฐบาล "อภิสิทธิ์"
และ ก็ให้พร้อมๆกันเลยกับ "เรื่องใหญ่หลวง" กรณีนายมงคล สุระสัจจะ อธิบดีกรมการปกครอง ที่จ่อขึ้นเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุม ครม.ที่นายกฯอภิสิทธิ์นั่งหัวโต๊ะไปแล้ว
แต่ติดด่านสำคัญ โดนตีกลับมาอย่างแรง
ตาม ลีลาที่นายกฯอภิสิทธิ์รีบติ๊ดชึ่งตามเหลี่ยม อ้างต้องเบรกเรื่องไว้ เพราะนายมงคลพัวพันกับเรื่องที่โดนร้องเรียนทุจริตจัดซื้อคอมพิวเตอร์
ไม่กล้าพูดตรงๆ โยงกับคิวโดนถวายฎีกาคัดค้าน ซึ่ง "อภิสิทธิ์" ไม่ได้ทัดทาน
ตามจังหวะรัฐบาล "ก้าวพลาด" หัวคะมำ นายกฯภาวะผู้นำบกพร่อง
โดย รูปการณ์มันก็ชักเข้าเค้า กับบทวิเคราะห์ของจอมเก๋าอย่าง "สารวัตรเหลิม" ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อ่านสถานการณ์จะบีบจนพรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกจากรัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์จะดึง 17 เสียงของพรรคเพื่อแผ่นดิน ในปีก 3 พี "พินิจ จารุสมบัติ-ไพโรจน์ สุวรรณฉวี-ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ" เข้าเสียบแก้ขัด
ลากรัฐบาลเสียงหมิ่นเหม่ไปจนกว่าจะยื้อไม่ไหว
งานนี้ กระเสือกกระสนไปจนถึงต้นปีหน้าก็เก่งเต็มทีแล้ว.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน