ศาล รัฐธรรมนูญมีมติ 4 ต่อ 2 ยกคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ ชี้กระบวนการยื่นคำร้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย นายทะเบียนพรรคการเมืองยื่นคำร้องล่าช้ากว่ากำหนด ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด ศาลจึงวินิจฉัยยกคำร้อง
วันนี้ (29 พ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากที่ช่วงเช้าวันนี้ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์เพื่อให้คู่กรณีแถลงปิดคดีด้วยวาจา ในกรณีที่นายทะเบียนพรรคการเมืองร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคประชา ธิปัตย์ จากกรณีการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง จำนวน 29 ล้านบาทผิดวัตถุประสงค์
โดยล่าสุดเมื่อเวลา 14.45 น. ภายหลังจากการอ่านคำวินิจฉัยเป็นเวลา 40 นาทีโดยประมาณ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 4 ต่อ 2 ยกคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากกระบวนการยื่นขอให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โดย จาก 5 ประเด็นที่สองฝ่ายชี้แจงคือ 1.กระบวนการยื่นขอให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 2.การกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ในบังคับของ พ.ร.บ.พรรคการเมืองปี 2541 หรือ พ.ร.บ.พรรคการเมืองปี 2550 3.พรรคประชาธิปัตย์ได้ใช้จ่ายเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อการ พัฒนาพรรคการเมือง ในปี 2548 ตามโครงการที่ได้รับที่ได้รับอนุมัติหรือไม่ 4.พรรคประชาธิปัตย์จัดทำรายการใช้จ่าย อย่างถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่ และ 5.กรณีที่มีเหตุให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าและกรรมการพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องถูกตัดสิทธิหรือไม่ ดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเพียง 1 ข้อ
โดยศาลวินิจฉัยว่าเห็นชอบว่า กกต.ทำตามกระบวนการ โดยให้นายทะเบียนพรรคการเมืองได้พิจารณาและยื่นคำร้องนั้นถูกต้อง แต่โดยระยะเวลานั้นไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งนับจากวันที่รับทราบถึงการกระทำผิด ให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วัน แต่ว่า กกต.ยื่นล่าช้ากว่ากำหนด โดยรับทราบข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2553 เมื่อมีการไต่สวนและตรวจสอบข้อเท็จจริง นับตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2552 จึงเท่ากับว่า กกต.ยื่นล่าช้ากว่ากำหนด
ศาลรัฐธรรมนูญจึงวินิจฉัยยกคำร้องของ กกต. กรณียุบพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยมติ 4 ต่อ 2 เสียง โดยไม่ได้พิจารณาใน 4 ประเด็นที่เหลือ