คอลัมน์ เหล็กใน
สมิงสามผลัด
สำหรับคำสั่งศอฉ.ที่ห้ามขายสินค้ารองเท้าแตะรูปหน้ามาร์ค
ในกรณีการละเมิดสิทธิ์ก็ว่ากันไปเรื่องหนึ่ง องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนก็ตำหนิติติงกันไป
แต่ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์ในอีกนัยหนึ่ง ถึงปัญหาความร้าวฉานระหว่าง นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ ศอฉ.
เพราะหลังศอฉ.ออกคำสั่งนี้ไปในวันที่ 19 พ.ย.
วันรุ่งขึ้นนายกฯมาร์คกลับออกมาสั่งให้ศอฉ. ทบทวนคำสั่งนี้ทันที
อีก 2-3 วันถัดมา ศอฉ.ก็เรียกประชุม ก่อนให้โฆษกไก่อูออกมาแถลงว่าในที่ประชุมศอฉ.มีมติทบทวนคำสั่งตามบัญชานายกฯ แต่ศอฉ.ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง
ตรงนี้หลายฝ่ายมองว่าความสัมพันธ์ระหว่างศอฉ. กับนายกฯมาร์คไม่ปกติแล้ว
ท่าทีของนายกฯ ทำให้คนมองว่าศอฉ.ออกคำสั่งโดยพลการ หยุมหยิม จุกจิก
กลายเป็นเป้าโดนโจมตีจากนักสิทธิมนุษยชน
ส่วนนายกฯมาร์คก็ลอยตัว ไม่โดนด่า
จึงเป็นเหตุผลของการทบทวนตามบัญชา แต่ไม่เปลี่ยน แปลงคำสั่งนั่นเอง!?
ยิ่งตอกย้ำกระแสข่าวความไม่ลงรอยกัน
ก่อน หน้านี้ กองทัพก็ไม่พอใจกรณีการแถลงข่าวของ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรื่องการสืบสวนสอบสวนคดี 91 ศพ
นายธาริตสรุปเพียงแค่ 12 ศพเจ้าหน้าที่โดนเสื้อ แดงฆ่า
แต่ที่เหลืออีกเกือบ 80 ศพไม่ฟันธงอะไรเลย ปล่อยให้อึมครึม
ออกมาแบบนี้ก็เท่ากับให้ไปคิดเอาเองว่าฝีมือใคร?
ฝ่ายการเมืองก็ลอยตัวอีก ฝ่ายปฏิบัติการก็รับไปเต็มๆ
ผสมโรงกับกรณีนายกฯมาร์คออกมาปูดข่าวการปฏิวัติเข้าไปอีก
ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์เหินห่างขึ้น
หากย้อนกลับไปดูช่วงประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินใหม่ๆ นายกฯ กับกองทัพก็กลมเกลียวกันดี
แต่หลังจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พ้นจากตำแหน่งผอ.ศอฉ.ออกไปสมัครเลือกตั้งส.ส.
ตัวประสานระหว่างกองทัพกับฝ่ายการเมืองก็ขาดหายไป
พอชนะเลือกตั้งได้กลับมาเป็นรองนายกฯ ตามเดิม แต่ไม่ได้คุมศอฉ.ตามเดิม
ถึงนาทีนี้รัฐบาลเข้าขั้นโคม่าแล้ว
คดีสั่งสลายม็อบมีคนตาย 91 ศพถูกม็อบแดงจี้เช้าจี้เย็น
คดีความก็จ่อขึ้นศาลโลก
แถมโดนองค์กรนานาชาติจับตาว่าจะเป็นมวยล้มหรือไม่
การแก้รัฐธรรมนูญก็โดนม็อบผู้มีพระคุณเล่นงานเข้าให้
คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังร่อแร่
ไม่รู้ว่าจะยุบสภาก่อนถูกยุบพรรคดีหรือเปล่า?
ยังต้องเจอปัญหาขัดแย้งกับกองทัพเข้าไปอีก
แนวโน้มแบบนี้เรียกว่า น่าจะไปไม่รอด!?