คอลัมน์ รายงานพิเศษ
ชุดแรก มีทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว รวม 5 คลิป
ชุดที่สอง เป็นการพูดคุยเกี่ยวกับการตอบโต้พรรคเพื่อไทย และคนทำคลิป รวม 3 คลิป
ชุดที่สาม ซึ่งเป็นชุดล่าสุด เกี่ยวกับคำสารภาพของผู้สอบ
แต่ละชุดมีรายละเอียด ดังนี้
คลิปชุดที่ 1 จำนวน 5 คลิป
คลิปที่ 1 เป็นภาพนิ่งรูปการพบปะของระดับผู้ใหญ่ของบ้านเมือง
คลิปที่ 2 วิดีโอการพูดคุยระหว่างนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ กับ นายวิรัช ร่มเย็น และนายวรวุฒิ นวโภคิน ที่ร้านอาหาร
เนื้อหาพูดคุยเกี่ยวกับการให้ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง มาเป็นพยานในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์
นายพสิษฐ์ ถามขึ้นว่า จะให้ประธานกกต.คนเดียว หรือกกต.มาหลายคน นายวิรัช กล่าวว่า เป็นอำนาจของนายทะเบียนฯ จะให้ความเห็น นายพสิษฐ์ จึงแย้งอีกว่าประเด็นอยู่ที่ตุลาการอาจให้กกต. มากันหลายคน ถ้ามาทั้ง 5 คน รับได้ไหม นายวิรัช ระบุ กลัวจะมีปัญหา อำนาจก็ต้องอยู่ที่ตัวประธาน
นายพสิษฐ์ ยังถามนายวรวุฒิ ว่า ให้เทียบระหว่างให้นักวิชาการกับกกต. มา 5 คน กับกกต.มาคนเดียวคือตัวประธาน นายวรวุฒิ กล่าวว่า ประธานกกต. มาคนเดียวน่าจะเป็นผลบวกกับทางพรรคมากกว่า เมื่อหันไปถามนายวิรัช ก็ยืนยันแบบเดียวกัน และว่านางสดศรี (สัตยธรรม) แถลงว่าอยากมา แต่นายพสิษฐ์ ระบุว่า ถ้ามาผมว่ายุ่ง จะมาขยายประเด็นเกี่ยวกับรายละเอียด ก่อนที่นายวิรัช จะสรุปว่าเป็นประธาน บวกกกต.อีก 4 เป็น 5 คน
นายพสิษฐ์ เสนอว่า ให้เป็นประธานกกต. แล้วให้นายวิรัช กลับไปเลือกกกต. อีกคนหนึ่งแต่อย่าเป็นนางสดศรี รวมถึงให้นักวิชาการออกมาพูดผ่านสื่อเยอะๆ และว่า มีอีกเรื่องหนึ่งที่ฝากบอกท่านนายกฯ ชวน ด้วย อย่าให้คนในพรรคพี่เที่ยวออกมาพูดเยอะ แต่นายวิรัช แถลงเองไปเลยไม่เป็นไร และไม่ถือว่าก้าวล่วงศาล แต่นายเทพไท (เสนพงศ์) ช่วงนี้เพลาๆ ตอนนี้มันเดินทางมาใกล้จบคดียุบพรรคแล้ว
คลิปที่ 3 เป็นบรรยากาศในห้องประชุมตุลาการฯ หารือเกี่ยวกับการเชิญประธานกกต. มาเป็นพยาน มีการระบุว่าอาจเรียกมาในฐานะนายทะเบียน หรือประธานฝ่ายกกต. เพราะอาจเกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องอำนาจ ข้อกฎหมาย มีเสียงสนับสนุนจากที่ประชุมและเห็นว่าควรทำเป็นหมายเหตุไว้ก่อน
มีการตั้งข้อสังเกตว่าหากเชิญมาแล้วไม่มาจะทำอย่างไร พร้อมเสนอให้กำหนดประเด็นที่จะสอบถาม ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าจะใช้กำหนดข้อ 40 หรือ 41 ถ้า 41 ไม่ต้องรอให้เบิกความ แต่ถ้าเป็นข้อ 40 ต้องเบิกความ แต่ถ้าใช้ข้อ 41 ท่านอาจไม่มา จึงอยากให้ใช้ข้อ 40 ท่านต้องมา จะมาเป็นฤๅษีหลังม่านไม่ได้ต้องออกมาพูดให้ชัดเจน ไม่ควรหลบไปหลบมา คดีนี้สำคัญมาก ตัวนายทะเบียนสำคัญ หัวใจอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่มาก็ไม่ได้แสดงว่าขาดความรับผิดชอบ จากนั้นมีการถกเถียงกันเรื่องวันเวลาการตัดสิน มีความเห็นว่าอยากให้คดีการถือหุ้นส.ส. ส.ว. เสร็จสิ้นไปก่อน เพราะกดดันทั้งสองเรื่อง
คลิป 4 บันทึกภาพการประชุมฯ พูดคุยเกี่ยวกับคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ถามไถ่กันเรื่องการเชิญประธานกกต. ว่า หากมีหมายเรียกแล้วไม่มา ออกข่าวไปแล้วมาเป็นพยาน ถ้าไม่มาท่านเสีย ท่านเป็นผู้ใหญ่จะลอยตัวไม่ได้อยู่แล้ว ตอนเสื้อแดงไปกดดันอีกสองวันประชุมเลย บางคนเสนอให้นักข่าวไปถามตรงๆ เลย จากนั้นมีการเสนอว่าให้นางสดศรี มาแทน แต่มีเสียงแย้ง
คลิป 5 บรรยากาศในห้องประชุมตุลาการฯ เป็นการพูดคุยเกี่ยวกับข่าวคราวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับศาลฯ จนเสียหาย มาประท้วงก็บอกว่าถ้าไม่มีใบสั่ง พรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบไปนานแล้ว มีการพูดรายวันแต่ศาลฯ ไม่ทำอะไร ทำให้องค์กรเสียหาย บางคนก็เสนอให้แจ้งความ แต่ก็มีเสียงแย้งว่าไม่อยากให้ไปเข้าทางเขา ไม่อย่างนั้นก็นิดหน่อยแจ้งความ เป็นเรื่องเป็นราว บ้างเสนอว่าเป็นเรื่องของเลขาธิการศาลฯ ตุลาการไม่มีหน้าที่เพราะไม่ได้เป็นการดูหมิ่นส่วนตัว
มีการระบุ การเข้ามานั่งฟังการพิจารณาคดีของนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ไม่มีปัญหาอะไร เป็นประชาชนผู้มีสิทธิ์เข้ามารับฟังการพิจารณาได้ แต่การออกข่าวมันเสียหาย อย่างพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ก็แจ้งกองปราบปราม บ้านเมืองนี้ไม่มีขื่อ ไม่มีแป นึกจะจาบจ้วงตรงไหนก็จาบจ้วง นึกอยากทำอะไรก็ทำ ตั้งแต่เกิดเหตุมาไม่มีใครแจ้งความเขา เขาก็ยิ่งได้ใจ
แต่ถ้าแจ้งไม่ได้แจ้งแบบเอาเรื่องเอาราว เพียงแต่เราเป็นผู้รักษากฎหมายสูงสุด เป็นต้นแบบศาลรัฐธรรมนูญ คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน และในขณะเดียวกันแสดงให้เห็นว่าเรารับรู้สิทธิ และใช้สิทธิ์ ให้เป็นแบบอย่างเป็นบรรทัดฐานว่าประเทศเราอยู่ภายใต้กฎหมายนิติรัฐ จึงควรแจ้งความ โดยเห็นว่าคนที่รับผิดชอบที่แท้จริงที่จะต้องทำคือเลขาฯ หากไม่ทำก็เหมือนเฉยเมย ถึงขั้นมีละเลย แต่ก็แล้วแต่ที่ประชุม
มีเสียงสนับสนุนว่า ผลเป็นอย่างไรไม่มีปัญหา แต่เราได้ตอบสังคมแล้วว่าทำอย่างนี้ ถ้าทำอีก พร้อมพงศ์พูดปุ๊บเราก็ไปแจ้งความ กระบวนการของกฎหมายจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา แต่เราได้ทำหน้าที่ของเรา การเคลื่อนไหวที่กระทบสิทธิ์ของเรา ต่อองค์กรของเรา เราต้องปกป้องแล้ว
เสียงสนับสนุนว่า เราต้องทำเป็นหน้าที่เราต้องปกป้ององค์กรนี้ สถาบันนี้ ถ้าไม่ปกป้องใครจะปกป้อง ตำรวจเขาไม่ทำแน่ มันยังไม่ทำเลย ทำไมมันถึงไม่ทำ เพราะมันมีมูลหรือไง หรือมันกลัวจะเปิดคลิปฉาว เราแจ้งความตามหน้าที่ไม่ได้โกรธ ไม่ได้แค้น ไม่ได้กลัว
ชุด ที่ 2 มี 3 คลิป เป็นการสนทนาระหว่างนายพสิษฐ์ กับชายอีก 2 คน หารือเกี่ยวกับทางออกกรณีทุจริตสอบเข้าเป็นเจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ถูกเปิดโปง
คลิป 1 มีการพูดถึงคลิปทุจริตสอบ นายพสิษฐ์ ซึ่งเรียกตัวเองว่า "ปอย" ชี้แจงคู่สนทนาว่า ในคลิปมีรูปตนและเสียงชัดเจน และสอบถามกันว่าข้อมูลไปอยู่พรรคเพื่อไทยได้อย่างไร และมีคนอื่นมาเอาเทปนี้ได้ไหมเพราะไม่มีคนนอก นายพสิษฐ์ ระบุว่า ตนดูยังช็อกเลยว่าทำไมอัดได้อย่างชัดเจนขนาดนี้ จึงสอบถามกันว่าอัดจากอะไร นายพสิษฐ์ กล่าวว่า เชื่อว่าเป็นกล้องหนังสือเพราะภาพชัดเหลือเกิน
วง สนทนาถกเถียงกันเรื่องจุดประสงค์ของคนทำ นายพสิษฐ์ กล่าวว่า เขาอาจมีอะไรมากกว่าที่เราคิด แต่ตอนนี้เรายังไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ ถ้าภาพพวกนี้เผยแพร่ออกไปพวกเราพังกันหมดทุกคน จะอ้างว่าตัดต่อหรืออะไรก็ดีไม่ได้หรอก เพราะดูแล้วภาพมันสมูท ซึ่งได้ดูมาแล้วว่าอยู่ในโน้ตบุ๊ก ถ้าทำลายเครื่องก็จบเพราะเป็นกล้องในหนังสือเอ็นไซโคลพีเดีย เวลาถ่ายข้อมูลมาอยู่ในคอมพิวเตอร์มันจะอยู่ในนั้นและถ่ายต่ออีกก็ไม่ได้
คลิป 2 ยังเป็นการพูดคุยระหว่างนายพสิษฐ์ กับชาย 2 คนในคลิปที่ 1 เนื้อหาเป็นการแก้เกมเพื่อรับมือการถูกโจมตี
คลิ ป 3 เป็นคลิปต่อเนื่อง เป็นการพูดคุยระหว่างนายพสิษฐ์ กับชาย 2 คน เหมือนเดิม นายพสิษฐ์ กล่าวว่า ถ้าสมมติพรรคเพื่อไทยตีเราแรงๆ แบบนี้ ขออนุญาตแถลงเอง แต่มีเสียงแย้งว่าเจตนาคนทำเพื่อต้องการให้เราแถลงว่าเป็นขบวนการ ไปกินข้าวที่ไหน ใครอยู่ในห้องไหน ใครมาพบมันจับภาพหมด นายพสิษฐ์ กล่าวว่า ตึกนี้สร้างสมัยรัฐบาลโน้น กล้องตามคาร์บอนแอเรียเป็นของธนารักษ์ เราเป็นแค่ผู้เช่า
คู่สนทนาระบุให้นำกระบวนการของการทำลายมาสู้ ทำลายน้ำหนัก โดยยกกรณีคดีที่นายกฯ ฟ้องคดีหมิ่นประมาทนายจตุพร ถ้าหนังสือพิมพ์ลงตัดนี้มาใช้เลย อย่างนี้เป็นขบวนการที่ต้องการทำลาย
ชุดที่ 3 เป็นการพูดคุยระหว่างนายพสิษฐ์สวมเสื้อโทนสีฟ้า กับชาย 2 คน เกี่ยวกับการทุจริตสอบ การสนทนาส่วนใหญ่ นายพสิษฐ์ ถามนำจนแทบจะเป็นการพูดเพียงฝ่ายเดียว อีกสองคนพยักหน้าตอบรับ และพูดในบางช่วง
นายพสิษฐ์ บอกให้ชาย 2 คน ยอมรับสารภาพเรื่องโกงข้อสอบเข้ามาจริง แล้วตนเองจะไปพูดคุยกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง ทำนองจะไปเคลียร์ให้ พร้อมระบุสอบก่อนสอบได้กรอบข้อสอบ สอบวันอาทิตย์ได้วันศุกร์ จากนั้นได้ซักถามถึงการนำข้อสอบไปให้ คนหนึ่งยอมรับว่ามีการนำข้อสอบไปให้ถึงที่บ้าน อีกคนรับว่าได้ไปรับข้อสอบภายในสำนักงานศาลฯ
นายพสิษฐ์ ให้ทั้งสองคนยืนกระต่ายขาเดียวว่าไม่เคยรับข้อสอบล่วงหน้า ไม่เช่นนั้นฉิบหายเลย กะนัดเดียวกว่า 3 ศพ นัดเดียว 3 ศพ ต้องช่วยกันยืนกระต่ายขาเดียว อย่าให้พวกท่านต้องมาเดือดร้อน