เหล็กใน
พรรคเพื่อไทยจะได้สมาชิกใหม่เป็นบุคคลชั้นสูงระดับ "หม่อมเจ้า"
เพราะ "ท่านใหม่"พล.ต.ม.จ.จุลเจิม ยุคล ออกมาตรัสสัมภาษณ์ปฏิเสธไปแล้ว
โดยให้รายละเอียดเบื้องหลังการพูดคุยกับบิ๊กจิ๋วเป็นฉากๆ ด้วย ไม่ใช่แค่ปฏิเสธสั้นๆ
กลายเป็นว่าพล.ต.ม.จ.จุลเจิม ในฐานะประธานสโมสรฟุตบอลราชวิถี ไปพบพล.อ.ชวลิต และรวมถึงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
เพื่อหวังจะขอบารมีทางการเมือง เชื่อมต่อไปยังองค์กรธุรกิจใหญ่ๆ เพื่อขอให้เป็นสปอนเซอร์ทีมฟุตบอล
แต่คำพูดแย็บกันไปมา ระหว่างท่านใหม่กับบิ๊กจิ๋วในเรื่องการเมือง กลายออกมาเป็นข่าวใหญ่
จะมีหม่อมเจ้าเข้าพรรคเพื่อไทย
ดูเหมือนพล.อ.ชวลิตและพรรคเพื่อไทย จะอ่อนไหวเปราะบางต่อประเด็น "ล้มเจ้า" เป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นว่ายืนยันด้วยปากไม่พอ ก็เลยอยากได้อะไรบางสิ่งที่เป็นรูปธรรมกว่า
ลองว่ามีบุคคลระดับหม่อมเจ้ามาลงสนามเลือกตั้ง ในสีเสื้อพรรคเพื่อไทย
ก็จะใช้เป็นเหตุผลเคลมต่อสังคมได้ว่า "เจ้า" ยังเชื่อมั่นในความจงรักภักดีของพรรค
ไปๆ มาๆ ความพยายามนั้นเป็นจังหวะก้าวที่ไม่รอบคอบอย่างยิ่ง
แม้แต่นายนพดล ปัทมะ เลขาฯ ส่วนตัวทักษิณ ชินวัตร ยังออกมาสำทับเรื่องนี้ด้วย
บอกว่าพ.ต.ท.ทักษิณรับทราบแล้ว และจะมีคนชั้นสูงมาร่วมงานมากกว่า 1 คน!
ยิ่งพูดหนักแน่นเป็นเรื่องราวเท่าไร ก็ยิ่งขายหน้าเท่านั้น
อย่างไรก็ดี คำตรัสของพล.ต.ม.จ.จุลเจิม ในการออกมาปฏิเสธข่าว ก็มีแง่มุมน่าสนใจหลายอย่าง
เช่น ท่านยืนกรานเอง เชื่อมั่นในความจงรักภักดีของพล.อ.ชวลิต
ท่านตรัสพาดพิงถึงนายเนวิน ชิดชอบ ในฐานะเจ้าของสโมสรบุรีรัมย์
บอกแค่มาเล่นการเมืองแป๊บเดียว ก็ทำตัวน่าอิจฉา
สามารถหาสปอนเซอร์มาอุดหนุนทีม อู้ฟู่นับร้อยล้าน
ขณะที่ตัวเอง ไปหาบริษัทห้างร้านไหนๆ เขาก็ไม่ให้พบ
แม้แต่ความพยายามจะกอบกู้สโมสรราชวิถี ผ่านนักการเมืองใหญ่ 2 คนอย่างบิ๊กจิ๋ว-หญิงหน่อย
สุดท้าย ก็ไม่มีภาคธุรกิจไหนจะให้ความสนใจ
ก็ไม่รู้ว่ามุมมองของภาคธุรกิจจะร่วมสนับสนุนทีมไหน เขาพิจารณาเรื่องความมุ่งมั่นของเจ้าของทีม
หรือมองไปที่อำนาจการเมืองด้วย
แต่ที่แน่ๆ สโมสรราชวิถีอาจเป็นกรณีตัวอย่าง
ถ้าเป็นเรื่องเงินเรื่องทอง การเข้าหานักการเมืองซีกรัฐบาล
น่าจะหวังได้มากกว่า?