บทความโดย...ลูกชาวนาไทย
ผมว่าจะให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์หรือพรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งได้ คงต้องออกแรงกันหนักมาก ทั้งโกงสารพัด แต่ก็ต้องเหนื่อยอย่างหนัก โดน ประชาชนต่อต้าน และสูญเสียศรัทธาอย่างแรง กลุ่มชนชั้นนำอำมาตย์จะทำอย่างไรต่อไป ยิ่งนานเข้าก็ต้องออกแรงมากยิ่วขึ้น ใช้ทุกอย่างที่มีเข้ามาหนุนช่วย สักวันก็ต้องหมดแรงจนได้
แต่ ก่อนนี้พวกเขายังสบาย อยู่เฉย ๆ ก็มีอิทธิพลอย่างสบายๆ เพราะประชาชนยังไม่เคยลิ้มรสกลับการมีรัฐบาลที่เข็มแข็ง มีฝืมือ และทำตามที่สัญญากับประชาชนแบบรัฐบาลทักษิณ ประชาชนก็ไปออกเสียงเลือกตั้งแบบกระจัดกระจายหลายพรรคแบบก่อนปี 2540 เพราะเลือกพรรคไหนก็เหมือนกัน
รัฐบาล ไม่จำเป็นต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนตอนหาเสียงเลือกตั้ง โดยอ้างว่าเป็นรัฐบาลผสมจึงทำตามที่หาเสียงไว้ไม่ได้ แล้วก็แบ่งเค้กกันสนุกสนาน เป็นรัฐบาลแบบ “บุฟเฟ่ต์คาบิเนต” แบบที่เราเห็นพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์กำลังสนุกสนานกันอยู่ในขณะ นี้ เหตุการณ์เหมือนกับระบอบการเมืองก่อนปี 2540
พรรค การเมืองแต่ละพรรคก็ไปหาเสียงในเขตอิทธิพลของตัวเอง ใครได้เสียงมากกว่าพรรคอื่นๆ ก็เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ คุมเสียงในภาคใต้ได้ (ด้วยความเป็นภาคนิยม ไม่ใช่ทำงานหรือมีนโยบาลที่ดี) ก็ได้เสียงเป็นชนะพรรคอื่น แต่ก็ไม่เคยชนะเกินครึ่ง
บรรดา นักอุ้ม กลุ่มชนชั้นสูง อำมาตยาธิปไตย ก็ไม่ต้องออกแรงอะไรมาก นั่งสบายๆ มองการเมืองเป็นของต่ำ ให้นักการเมืองทะเลาะกันให้ประชาชนดู แล้วนักการเมืองก็แข่งกันประจบ วิ่งหาอำนาจพิเศษเพื่อล็อบบี้จัดตั้งรัฐบาล โดยใช้สายสัมพันธ์ต่างๆ หรืออิทธิพลบารมีต่างๆ ของกองทัพบาง ของพวกคนชั้นสูงบ้าง
แต่ เมื่อทักษิณมาถึง ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป พรรคทักษิณได้เสียงเกินครึ่ง ประชาชนนิยม อำนาจต่างๆ ในสังคมที่ไม่ได้แอบอิงกับประชาชน ก็ย่อมเสื่อมลง เพราะรัฐบาลไม่จำเป็นต้องไปเอาใจผู้มีบารมีใดๆ นอกจาก “ประชาชน” เพราะ ประชาชนนิยม แค่ทำงานให้ดี ก็ไม่ต้องเกรงใจใคร ยังไงก็ชนะเลือกตั้ง แต่มันไปขัดขาผู้มีบารมีอื่นๆ ในแผ่นดิน ที่ไม่ได้มาจากประชาชนทั้งหลาย ทักษิณจึงโดนโค่นล้ม โดนทำรัฐประหาร โดยพวกเขาคิดว่ากำจัดทักษิณไป ระบบการเมืองก็กลับไปเป็นแบบเดิม พวกเขาจะได้สบายแบบเดิมๆ
แต่การเมืองไทยถึงอย่างไรก็ยังต้องเลือกตั้ง มันเป็น “ข้อบังคับของโลกยุคนี้” ที่ยากที่ประเทศใดจะหลีกเลี่ยงได้
ชน ชั้นสูงสนับสนุน อภิสิทธิ์ให้เป็นนายกฯ แต่อภิสิทธิ์ไม่เคยชนะเลือกตั้ง จะต้องดันให้ ปชป. เป็นรัฐบาลตลอดกาล แต่คนไม่นิยมจะทำอย่างไร
จะ ทำให้การเมืองเป็นระบบหลายพรรค แต่ประชาชนก็รู้ทันเสียแล้ว พฤติกรรมการเลือกตั้งของประชาชนเปลี่ยนไป เป็นเลือกพรรคเดียว ให้ชนะเกินครึ่งไปเลย พรรคเล็กโอกาสโตยาก
ผมว่า ชนชั้นนำ หมดทางไป สำหรับแบบจำลองการเมืองยุคใหม่ หากเขายังดื้อดึงก็ต้องใช้กำลังดันรัฐบาลอภิสิทธิ์จนหมดแรงเข้าสักวัน
จะทำรัฐประหาร ทำแล้วไง ไม่มีเลือกตั้งตลอดกาลอย่างนั้นหรือ โลกยุคนี้คงยาก สังคมคงวุ่นวายไม่จบ และนำไปสู่การโค่นล้มจนได้
มีเลือกตั้ง ? ก็อย่างที่ผมบอก พฤติกรรมการเลือกตั้งของประชาชนเปลี่ยนไป ยังไงคนก็เลือกพรรคเดียว คนแบบทักษิณก็จะมีมาอีก หรืออิทธิพลทักษิณก็ไม่สิ้นสุดอยู่ดี ไม่มีทางที่ระบบการเมืองจะกลับไปเป็นระบบหลายพรรคแบบเดิมได้ การเมืองไทยได้พัฒนามาถึงจุดที่ ระบบสองพรรคเกิดแล้ว จะสกัดกั้นอย่างไรก็คงทำได้ไม่นาน
จุด จบของอำนาจของชนชั้นนำมาถึงแล้ว มันสิ้นยุคการเมืองของอำมาตย์ ขุนนาง หรือชนชั้นนำแล้ว มันมาถึงยุค การเมืองของประชาชนทั้งหลายแล้ว
ต่อ ให้พรรคประชาธิปัตย์ชนะได้เสียงเกินครึ่งหนึ่ง ผลก็จะออกมาแบบเดียวกับทักษิณคือ "นายกรัฐมนตรี" ที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ที่ชนะเลือกตั้งได้เสียงเกินครึ่ง เขาก็ต้องฟังเสียงประชาชนที่เลือกเขามา มากกว่าฟังคนชั้นนำ หรือฟังผู้มีบารมีอยู่ดี และเขาก็ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับผู้เลือกตั้ง ไม่อย่างนั้น สมัยต่อไปเขาก็ต้องแพ้เลือกตั้ง
ก็จะกลายเป็น "ทักษิณโมเดล" เหมือนเดิม แต่กลับข้างไปอยู่ข้างพรรคประชาธิปัตย์
จะอย่างไรก็ตาม การเมืองระบบสองพรรคที่เกิดขึ้นแล้ว มันไป "ลดทอนอำนาจของคนชั้นนำ" อยู่ดี มันเป็นปัญหาของ "วิวัฒนาการทางการเมือง"
ปัญหาสำคัญคือ "พฤติกรรม การเลือก ตั้งของผู้เลือกตั้งเปลี่ยน" จากที่เคยเลือกแบบกระจัดกระจาย มาเป็นเลือกพรรค จากเดิมที่เคยเลือกตัวบุคคล เลือก สส.ในเขต โดยไม่สนใจพรรคไม่สนใจนโยบาย กลายเป็นเลือกพรรคเลือกนโยบาย
ระบบการเมืองแบบนี้ ไม่มีที่ว่าง หรือที่ยืนให้กับ "ผู้มีบารมี" อื่น ไม่มีที่ว่างให้กับชนชั้นสูงอีกต่อไปแล้ว
หากพวกเขาเข้าใจและยอมรับ รูปแบบการเมืองก็พัฒนาเป็นระบบอังกฤษ
หากพวกเขาไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับและพยายามขัดขวาง รูปแบบก็จะพัฒนาไปแบบการปฎิวัติใหญ่ฝรั่งเศสในรูปแบบใดแบบหนึ่ง
ยังไงก็ไม่มีใครขัดขวางอำนาจประชาชนได้
ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ "จะขจัดทักษิณอย่างไร" ปัญหามันคือ "ผู้เลือกตั้งมีจิตสำนึกทางการเมืองแล้ว"
ตอนนี้ในทางการเมืองไม่มีที่ว่างให้กับชนชั้นนำ ไม่มีที่ว่างให้กับระบอบอำมาตย์ ไม่มีที่ว่างให้กับคนที่ไม่ได้มาจากอำนาจของประชาชน
แม้จะพยายามใช้อำนาจที่มีอยู่เดิมขัดขวาง แต่ก็ไม่มีทางต้านทานการพัฒนาการทางการเมืองครั้งนี้ได้นาน
หากรู้ตัวยอมรับก็เจ็บตัวน้อย
หากไม่รู้ตัว ขัดขวาง ก็โดนทำลายไปแน่นอน
ผมถึงฟันธง จากการดูพัฒนาการในสี่ปีที่ผ่านมาว่ามันจะพัฒนาการไปในทำนองมีการโค่นล้มจนได้