บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554

จับตาDSI เผยศาลออกหมายจับคดีล้มเจ้า5+30คน

ที่มา Thai E-News


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
28 กุมภาพันธ์ 2554

คนเสื้อแดงยังไม่หายดีใจที่ได้ขวัญใจกลับมา 8 คน และกำลังรออีก 151 คน ที่แกนนำยึนยันว่าจะประกันตัวออกมาจากคุกให้ได้โดยเร็วที่สุด และก็ยังไม่หายตกใจที่ระดับดาวไฮปาร์คของแดงสยาม สุรชัย แซ่ด่านถูกรวบตัวกลางดึกในคืนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ก่อนการอนุญาตให้ประกันตัวแกนนำเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่เพียงไม่กี่วัน ก็ต้องมาระแวงว่าตัวเองจะอยู่ในรายชื่อ 30 รายชื่อที่ DSI กำลังจับตาอยู่อย่างเข้มข้นและกำลังทยอยออกหมายจับหรือไม่?


สำนักข่าวหลายแห่งรายงานวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ว่า "อธิบดี ดีเอสไอ เผย คืบหน้าคดีหมิ่นสถาบัน ศาลอนุมัติออกหมายจับแล้ว 5 คน รอพิจารณาอีก 30 คน แต่บอกชื่อไม่ได้ ชี้ ยังมีกระบวนการนี้อยู่"

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยถึง ความคืบหน้าการติดตามคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคงของสถาบัน หรือ คดีล้มเจ้า ที่ถูกกล่าวหาว่า ดำเนินการล่าช้า และไม่มีความคืบหน้าจนเป็นเหตุให้ทางดีเอสไอ ได้รับความเสียหายว่า จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ปรากฏข้อเท็จจริง และมีพยานหลักฐานยืนยันได้ว่า ยังมีการกระทำผิด ในลักษณะดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งมีการดำเนินการเป็นรูปแบบเครือข่ายในรูปแบบต่างๆ อาทิ ทางอินเทอร์เน็ต ทางวิทยุชุมชน และอื่นๆ รวมถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณ์ และการกระทำของบุคคล ในฐานความผิดดังกล่าว

ทั้งนี้ ทางดีเอสไอ ได้มีการดำเนินคดีพิเศษ เฉพาะราย กับผู้ที่กระทำผิดเพิ่มเติม รวมทั้งสิ้น 17 คดี ซึ่งขณะนี้ ศาลได้อนุมัติหมายจับ ผู้ที่กระทำผิดแล้ว 5 คน และอยู่ระหว่างการดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอให้การพิจารณาการออกหมายจับ อีกจำนวน 30 คน

อย่างไรก็ตาม ทางดีเอสไอ ก็ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อของผู้ที่กระทำผิด ในเรื่องดังกล่าวได้

*************


DSI มัวแต่มาไล่จับคนที่พยายามจะนำพาประเทศไปสู่ความก้าวหน้า โดยใช้กฎหมายมาตราหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยปล่อยปะละเลยคดีพันธมิตรกว่าสองปี สามเดือน แล้วจะให้คนเสื้อแดงกลัวอยู่ได้อีกหรือ
ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
แน่นอนว่ามันเป็นกฎหมายล้าหลัง และการใช้มันอย่างพร่ำเพรื่ออันตรายต่อความอยู่รอดของสถาบันเป็นอย่างยิ่ง ในท่ามกลางการเมืองที่สถาบันพระมหากษัตริย์ที่ชาญฉลาดทั่วโลก ที่ต้องการรอดพ้นจากการปฏิวัติประชาชน จะต้องเร่งผ่อนปรนกฎระเบียบและธรรมเนียมวิถีเพื่อผ่อนคลายความคุกรุนในสังคมให้มากที่สุด โดยมีบทเรียนการลุกขึ้นสู้ทั่วภูมิภาคอาหรับเป็นเครื่องเตือนสติ

การที่ DSI ใช้เวลามากมายมหาศาลมาสร้างความหวาดวิตกในสังคมให้กับคนที่ตั้งคำถามกับบ้านเมืองอย่างตรงไปตรงมา จึงเป็นการกระทำที่ นอกจากน่าขันและไม่ชาญฉลาดอย่างที่สุดแล้ว รังแต่จะยิ่งทำให้ความสนใจของชาวไทยและชาวโลกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย มีความเข้มข้มและจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ

ดร.​สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ตั้งประเด็นที่เฟสบุ๊ค ว่า
"ผมคิดว่า เราพอจะบอกได้ค่อนข้างแน่นอนแล้ว ว่า ขณะนี้ "ระบอบ" ที่มีอำนาจอยู่ กำลังใช้ "ยุทธศาสตร์ 2 ขา" คือ ด้านหนึง ทำการ "ประนีประนอม" "อ่อนข้อ" ให้กับ เสื้อแดง "กระแสหลัก" (นปช.แดงทั้งแผ่นดิน) ระดับหนึง อีกด้านหนึ่ง ก็โจมตีเล่นงาน กลุ่มย่อย กระแสรอง ในหมู่เสื้อแดง ...ไปพร้อมๆกัน ด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ"


กาหลิบ เขียนคอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร? ในหัวข้อ ขอโทษที่ไม่ยินดี เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2554

เหตุที่ต้องขอโทษล่วงหน้า ก็เพราะใจอยากแสดงความยินดีจริงๆ ต่อแกนนำ นปช.แดงทั้งแผ่นดินทั้ง ๗ คนที่ได้รับการประกันตัวสู่อิสรภาพชั่วคราว ๙ เดือนในคุกเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน หากนานไปกว่านี้ก็อาจส่งผลกระทบถาวรในทางร่างกายและจิตใจได้ การได้ออกมาจึงเป็นความโล่งใจเปลาะหนึ่งของคนที่ยังมีมิตรภาพต่อกัน . . . ที่ยินดีไม่ได้ก็เพราะมีเหตุผลใหญ่ ๓ ประการ

ประการแรก การปล่อยตัวแกนนำ ๗ คนจากเกือบสองร้อยคนสู่อิสรภาพชั่วคราว เกิดขึ้นใน ๒๔ ชั่วโมงเดียวกับการจับกุมตัว นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือ สุรชัย แซ่ด่าน ประธานแดงสยาม หลังจากเข้าร่วมกิจกรรมที่เจดีย์ขาวใกล้ท้องสนามหลวง ฐานความผิดที่นำมากล่าวหาคือมาตรา ๑๑๒ ของประมวลกฎหมายอาญา ตามอำนาจของรัฐธรรมนูญหมวด ๒ นั่นคือความผิดฐานหมิ่นกษัตริย์และอื่นๆ ที่เกี่ยวกับกษัตริย์ การจู่โจมจับกุมครั้งนี้กระทำกันกลางดึกในซอยเปลี่ยวแถวนนทบุรี โดยคนที่เชื่อว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบเป็นจำนวนมากที่มีอาวุธครบมือ

ไม่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญหรือข่าวกรองที่ไหนมาช่วยวิเคราะห์ สาธุชนย่อมเข้าใจได้เองว่า นี่ย่อมเกิดจากข้อตกลงระหว่างผู้มีอำนาจในเมืองไทยกับตัวแทนของฝ่าย นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ตัวแทนของผู้มีอำนาจจะเป็นใครไม่รู้ แต่ตัวแทนฝ่าย นปช.ฯ ชัดเจนแล้วว่าคือ พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ ที่คนทั้ง ๗ เดินทางไปกราบทันทีที่ก้าวออกมาจากคุก

คำถามคือข้อตกลงนั้นจะทำให้มวลชนของเราได้ประชาธิปไตยหรือไม่ ถ้า นปช.ฯ ยอมรับเงื่อนไขของระบอบศักดินา-อำมาตยาธิปไตยจนถึงขั้นจำกัดบทบาทตัวเองในทางการเมือง และยอมให้คนที่ลุกขึ้นสู้ด้วยความห้าวหาญอย่าง นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ และพี่น้องร่วมคุกที่ไม่มีชื่อเสียงเท่าแกนนำทั้ง ๗ อีกเกือบสองร้อยคน ช่วยติดคุกแทนตน . . .

การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในระบอบศักดินา-อำมาตยาธิปไตยเป็นเรื่องยากลำบาก ไม่มีทางที่จะทำสำเร็จได้โดยคนเพียง ๗ คนหรืออดีตนายกรัฐมนตรี ๑ คน เราต้องขอความช่วยเหลือมวลชนจำนวนมากที่สุดให้เข้าร่วมในกิจกรรมที่หลากหลายที่สุด บนดิน ใต้ดิน ในเวทีชุมนุม นอกเวทีชุมนุม ทั้งงานที่มีองค์กรนำควบคุมชี้นำ และกิจกรรมธรรมชาติของมวลชน การส่งสัญญาณใดๆ ในขบวนจะต้องคำนึงถึงความรู้สึกร่วมเช่นนี้เป็นสำคัญ

แนวคิดที่ว่าเอาตัวแกนนำออกมาก่อนเถิด มวลชนจะได้มี “หัว” คือแนวคิดที่ล้าหลัง น่าแปลกใจที่ยังมีผู้เชื่อว่า มวลชนตาสว่างในวันนี้สามารถ “ถูกนำ” ได้ มวลชนปัจจุบันก้าวหน้าและกล้าหาญกว่าเวทีมานานแล้ว ปรากฏการณ์ปัจจุบันที่เกิดแนว “แดงสยาม” ขึ้นควบกับ “นปช.แดงทั้งแผ่นดิน” ยิ่งทำให้สิ่งที่มวลชนลังเลและเคลือบแคลงใจในอดีตหมดสิ้นไป จากนี้ไปแนวคิดปฏิวัติย่อมจะชัดเจนขึ้น วิธีการในการบรรลุถึงเป้าหมายเท่านั้นเองที่ต้องวางกันให้ชัดเพื่อให้มวลชนตาสว่างมองเห็นความเป็นไปได้

ประการที่สามซึ่งเป็นข้อสุดท้าย ในการเจรจาเยี่ยงนี้ วีรชนแห่งเดือนเมษายนและพฤษภาคมของเราที่ตายเป็นร้อยๆ หายไปไหน ความตายกลางถนนหลวงและกระจายไปทั่วประเทศไทย ด้วยฝีมือคนประเภทเดียวกับคนที่ตัวแทน นปช.ฯ ไปเจรจาด้วย ไม่มีความสำคัญใดๆ เลยหรือ

ใครเตรียมจัดงานเฉลิมฉลอง หรือจะจัดคอนเสิร์ตแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวอย่างไรก็ทำไปเถิด แต่ใจเราไม่อาจยอมรับการก้าวข้ามศพวีรชนกันอย่างนี้ได้

หวังว่าเหตุผลสามประการนี้คงชัดเจนพอสำหรับคนที่มีหัวใจ.

*******************

ในวันเดียวกัน ใจ อึ๊งภากรณ์ เขียนตอบโต เสียใจกับ “กาหลิบ”

ถ้าบทความ “ขอโทษที่ไม่ยินดี” โดย กาหลิบ เป็นงานเขียนของ จักรภพ เพ็ญแข ผมก็ต้องเสียใจ ต้องเสียใจมากๆ เพราะมันแสดงว่า กาหลิบ เข้าร่วมวง “นักปฏิวัติฟันน้ำนม” ด้วยการเขียนว่า:

“(การปล่อยตัวแกนนำ 7 คน และจับสุรชัยในวันเดียวกัน) ย่อมเกิดจากข้อตกลงระหว่างผู้มีอำนาจในเมืองไทยกับตัวแทนของฝ่าย นปช.แดงทั้งแผ่นดิน......คำถามคือข้อตกลงนั้นจะทำให้มวลชนของเราได้ประชาธิปไตยหรือไม่ ถ้า นปช.ฯ ยอมรับเงื่อนไขของระบอบศักดินา-อำมาตยาธิปไตยจนถึงขั้นจำกัดบทบาทตัวเองในทางการเมือง และยอมให้คนที่ลุกขึ้นสู้ด้วยความห้าวหาญอย่าง นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ และพี่น้องร่วมคุกที่ไม่มีชื่อเสียงเท่าแกนนำทั้ง ๗ อีกเกือบสองร้อยคน ช่วยติดคุกแทนตน”

ในประการแรกผมจะไม่ใช้เวลาในบทความนี้อธิบายว่าทำไมไทยไม่ได้ปกครองโดยระบอบ “ศักดินา” ซึ่งถูกล้มไปตั้งแต่รัชกาลที่ ๕ และทำไม(เซ็นเซอร์)ความป่าเถื่อนที่คอยประทับตราให้ทหารผู้มีอำนาจในประเทศไทย เพราะผมอธิบายไปแล้วในหลายบทความ ซึ่งฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยยังไม่สามารถนำเหตุผลและข้อมูลมาเถียงได้ แค่ยืนยันความเชื่อของเขาเท่านั้น

ผมเสียใจที่ตอนนี้มีคนที่พูดแต่เรื่อง “การปฏิวัติ” และด่าด่าด่า...เจ้า...เช้าจดเย็น โดยไม่ยอมโจมตีทหารมือเปื้อนเลือด และไม่ยอมเสนอแนวทางการต่อสู้ที่เป็นรูปธรรม เพราะพวกนี้ดีแต่พูดเอามัน พูดยกย่องตนเองว่าเป็นนักปฏิวัติบริสุทธิ์ และในขณะเดียวกันหันมาทำลายการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง หันมาด่าแกนนำ นปช. และพูดอย่างต่อเนื่องว่าการเคลื่อนไหวของมวลชนไม่สามารถล้มอำมาตย์ได้ ทั้งๆ ที่เราเห็นตัวอย่างชัดเจนในตะวันออกกลาง ซึ่งแปลว่าเราจะต้องแค่ “ปฏิวัติ” ในอินเตอร์เน็ดโดยนั่งอยู่บ้านและไม่ทำอะไร ผมต้องขอเรียกคนเหล่านี้ว่า “นักปฏิวัติฟันน้ำนม” เพราะดูเหมือนแค่ “เล่นการปฏิวัติ” จริงๆ

คุณสุรชัยไม่ควรอยู่ในคุกเนื่องด้วยคำพูดของเขา อันนี้ทุกคนควรยอมรับโดยไม่มีเงื่อนไข เราควรรณรงค์ให้ยกเลิกกฏหมายหมิ่นกษัตริย์ อันนี้ผู้รักประชาธิปไตยควรยอมรับด้วยและผมกับคนอื่นจำนวนมากก็รณรงค์เรื่องนี้มานาน ที่สำคัญคือควรมีการปล่อยตัวคุณดาร์ตอร์บิโด และคุณ Red Eagle และคนอื่นที่เป็นนักโทษการเมือง ควรยกเลิกคดีคุณจีรนุช อันนี้แน่นอน แต่ถามว่าเราจะยกเลิกกฏหมายหมิ่นกษัตริย์อย่างถาวรโดยไม่ใช้มวลชนล้มอำมาตย์และตัดอำนาจทหารได้ไหม? เพราะทหารเป็นตัวหลักในการใช้กฏหมายหมิ่นฯ หรือเรายกเลิกกฏหมายหมิ่นกษัตริย์ได้โดยการต่อสู้เชิงสัญญลักษณ์ของคนคนเดียวในคุกได้? หรือเราทำได้ผ่านการอ้อนวอนให้กษัตริย์ทำให้ โดยตั้งความหวังว่ากษัตริย์ไทยจะเหมือนภูฐาน ซึ่งแม้แต่ในประเทศนั้นก็ไม่มีประชาธิปไตย?

ผมไม่เชื่อในคัมภีร์อะไร แต่ผมปลื้มนักปฏิวัติอย่าง เลนิน หรือ โรซา ลัคแซมเบอร์ค ที่เคยมีส่วนในการนำมวลชนเป็นล้านไปสู่การปฏิวัติจริง เขาพูดเสมอว่านักปฏิวัติต้องทำแนวร่วมกับนักปฏิรูป ต้องสนใจการต่อสู้เล็กๆ น้อยๆ ประจำวัน ต้องร่วมรบในเวทีรัฐสภาถ้าจำเป็น ต้องพิสูจน์ต่อหน้ามวลชนท่ามกลางการจับมือร่วมกันสู้ ว่าแนวทางปฏิวัติเป็นไปได้และดีกว่าแนวปฏิรูป ไม่ใช่แอบไปสู้ในอินเตอร์เน็ทหรือในเขตป่าเขา หรือรวมศูนย์การต่อสู้ในเชิงสัญญลักษณ์กับคนคนเดียว

คุณสุรชัยไม่ใช่คนขี้ขลาด เขายอมติดคุก ถ้าเป็นผมผมจะหลีกเลี่ยงการติดคุกเพื่อต่อสู้เต็มๆ ข้างนอก แต่นั้นเป็นการตัดสินใจเรื่องยุทธวิธี และบางยุทธวิธีจะนำไปสู่ความพ่ายแพ้ โดยเฉพาะในกรณีที่หันหลังให้มวลชนและไม่รู้จักทำแนวร่วมกับนักปฏิรูป แต่ขอถามหน่อยเถิด..... อำมาตย์จะมองว่าคุณสุรชัยที่มีมวลชนแค่สองสามพัน สำคัญเท่ากับแกนนำ นปช. แดงทั้งแผ่นดิน 7 คนที่มีมวลชนเป็นล้านจริงหรือ? หัดตาสว่างกันหน่อย !!

****************

จากการติดตามและรายงานข่าวการเคลื่อนไหวและต่อสู้ของคนเสื้อแดงมาหลายปี ไทยอีนิวส์ เห็นว่า การใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในข้อหาหมิ่นพระพรมเดชานุภาพ ในยามนี้ ไม่มีทางจะสร้างความหวาดกลัวให้กับมวลชนคนเสื้อแดงได้อีกต่อไป เพราะจำนวนคนตาสว่าง ที่ต้องการเห็นประเทศไทยก้าวข้ามการเมืองภายใต้รองเท้าบู๊ทของกลุ่มอมาตยาธิปไตยที่ครอบงำการเมืองไทยมาตั้งแต่ปฏิวัติ 2490 มีจำนวนมากมายมหาศาล ไม่ใช่แค่สองสามพันเช่นที่ใจกล่าวอ้างแน่นอน และไม่ใช่จำนวนแค่หมื่นคน แต่เป็นจำนวนเป็นแสนคน DSI จะรับมือไหวหรือ คุกจะคุมขังพวกเขาทั้งหมดไว้ได้หรือ?



ยิ่งไม่ต้องนับว่าความไม่พอใจของคนทั้งสังคม ต่อท่าทีพินอบพิเทาเกินขอบเขต ของ ผบ. ตร. และเหล่านายตำรวจ ที่มีต่อ "ท่านจำลอง" และต่อ "องค์ท่านสนธิ" มันได้สร้างให้เกิดมลพิษทางสายตาให้กับประชาชนมากมายขนาดไหน


จาก กระทู้ รายงานพิเศษ : ผบ.ตร.ไม่ส่งฟ้องคดี พธม.ยึดสนามบิน Asia Update TV ใน Internet Freedom เจ้าชายปากน้ำโพ โพสต์ไว้ว่า

เปรียบเทียบกับคดียึดทำเนียบก็ไม่ต่างกัน เรื่องไปถึงอัยการแล้วก็ยังเลื่อนจนจำไม่ไหว ลองดูสถิติครับ....

อังคารที่ 7 ธันวาคม 2553 12:10:31 น.
อัยการพิเศษ ฝ่ายคดีอาญา 5 เลื่อนนัดฟังคำสั่งคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกับพวกรวม 9 คน เป็นผู้ต้องหาในคดีมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง กรณีบุกรุกเข้าไปชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นเวลาถึง 193 วัน เมื่อปี 51 ออกไปอีกครั้งเป็นวันที่ 9 ก.พ.54 เนื่องจากพนักงานสอบสวนยังสอบปากคำพยานที่สั่งให้ไปสอบเพิ่มเติมไม่เสร็จ สิ้น..

จาก.....18 พ.ย.51 เลื่อนเป็น.......21 ม.ค.52
จาก..... 21 ม.ค.52 เลื่อนเป็น........3 มี.ค.52
จาก..... 3 มี.ค.52 เลื่อนเป็น......28 พ.ค.52
จาก..... 28 พ.ค. 52 เลื่อนเป็น.....14 ก.ค.52
จาก..... 14 ก.ค.52 เลื่อนเป็น......10 ก.ย.52
จาก.....10 ก.ย.52 เลื่อนเป็น.....2 พ.ย.52
จาก......2 พ.ย.52 เลื่อนเป็น.... 24 ธ.ค.52
จาก..... 24 ธ.ค.52 เลื่อนเป็น.... 24 ก.พ.53
จาก..... 24 ก.พ.53 เลื่อนเป็น.....22 เม.ย.53
จาก..... 22 เม.ย.53 เลื่อนเป็น......16 มิ.ย.53
จาก..... 16 มิ.ย.53 เลื่อนเป็น....4 ส.ค.53
จาก...... 4 ส.ค.53 เลื่อนเป็น....7 ต.ค.53
จาก .... 7 ต.ค.53 เลื่อนเป็น....7 ธ.ค.53
จาก..... 7 ธ.ค.53 เลื่อนเป็น....9 ก.พ.54
จาก..... 9 ก.พ.54 เลื่อนเป็น......?????

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
ผบ.ตร.ถ่วงยังไม่สั่งฟ้องคดียึดสนามบิน เหตุ"ท่านจำลอง"ยื่นให้เป่าทิ้งข้อหาก่อการร้ายอ้าง"เวอ่ร์"!


ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker