บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2554

โพลย้ำชัด! ผลงาน‘มาร์ค’แย่

ที่มา บางกอกทูเดย์



แม้อภิสิทธิ์ยังหวิดตก
‘คะแนนปราบโกง’บ๊วยสุด
ตลอดมาจุดแข้.ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ คือการขายภาพลักษณ์

คือการโปรโมทว่าเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีการศึกษาระดับสูง มีสถานะทางสังคมเป็นที่รู้จัก ชาติตระกูลดีมีประวัติ

แต่จุดอ่อนที่ถูกตั้งข้อสังเกตุตลอดมา ก็คือ การทำงานไม่เป็น

เพราะนายอภิสิทธิ์ ในชีวิตยังไม่เคยทำงานอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันที่จะสามารถนำมากล่าวอ้างจริงๆจังๆได้เลย

ในขณะที่การก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแบบข้ามขั้น มาแบบขึ้นลิฟท์ภายใต้การอุ้มของขั้วอำนาจพิเศษ และขั้วอำนาจกองทัพ ยิ่งทำให้การทำงานของนายอภิสิทธิ์ บนตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยิ่งดูมีความเป็นเด็กน้อยมากยิ่งขึ้นไปอีก

ซึ่งเรื่องนี้แม้ว่านายอภิสิทธิ์ จะมีองครักษ์เป็นพลพรรคปากกล้า ที่ตั้งขึ้นมาเป็นโฆษกประจำตัวบ้าง โฆษกพรรคบ้าง และแม้แต่กระทั่งโฆษกรัฐบาล แต่ทั้ง 3 โฆษกก็ไม่สามารถที่จะกลบจุดอ่อนในการบริหารของนายอภิสิทธิ์ได้เลย

อย่างล่าสุด “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ที่ได้มีการจัดทำดัชนีการเมืองไทย โดยมีตัวชี้วัดทั้งการบริหารงานของรัฐบาล ฝ่ายค้าน ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน บทบาทสื่อมวลชนและอื่นๆ รวม 25 ประเด็น

ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่จะบอกได้ว่าการเมืองไทย ดีขึ้น แย่ลง หรือเหมือนเดิม

เป็นการสำรวจประชาชนทั่วประเทศเป็นประจำของทุกเดือน เพื่อเปรียบเทียบเดือนต่อเดือน โดยให้คะแนนเต็ม 10 และหาค่าเฉลี่ยภาพรวมของการเมืองไทยออกมา

ปรากฏว่าในเดือนมีนาคมนี้ได้สำรวจดัชนีการเมืองดังกล่าวจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 6,247 คน ระหว่างวันที่ 25-31 มีนาคม 2554 สรุปผลอกมาแล้ว ทำให้ขั้วรัฐบาล และทำให้นายอภิสิทธิ์ คงต้องคิดหนักมากขึ้น

เพราะการที่อยากจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 อาจจะไม่ง่ายอย่างที่ฝันแล้วก็เป็นได้

เพราะวันนี้ประชาชนให้คะแนนดัชนีการเมืองไทย ภาพรวมคะแนนเต็ม 10 ได้ 4.21 คะแนน หรือเท่ากับว่าคะแนนการเมืองของไทยในวันนี้ยังสอบตก

ทั้งๆที่นายอภิสิทธิ์ ประกาศปาวๆว่าจะทำการเมืองให้เข้มแข็ง ให้เกิดการปรองดองให้ได้ แต่ประชาชนกลับมองไม่เห็นผลงาน

ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ถ้าจำแนกตามภูมิภาค ประชาชนให้คะแนนดัชนีการเมืองไทย โดยคะแนนเต็ม 10 ภาคใต้ฐานเสียงประชาธิปัตย์เองแท้ๆ ยังให้คะแนนแค่ 4.80

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4.19 ภาคเหนือ 4.16 เป็นเรื่องที่ไม่น่าประหลาดใจ เพราะผลงาน 2 มาตรฐานทางการเมือง และผลงาน 91 ศพที่เกิดขึ้นจากการเรียกร้องประชาธิปไตย จะให้คะแนนการเมืองดีได้อย่างไร

ส่วนภาคกลาง ก็ให้แค่ 4.10 เท่านั้น คงเพราะรู้เห็นและเจออะไรด้วยตัวเองกันเยอะ

แต่ที่แย่ยิ่งกว่า ก็คือกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ในแวดวงข้อมูลข่าวสาร และอยู่ใกล้ชิดสถานการณ์ทางการเมือง ที่จนถึงวันนี้รัฐบาลไม่สามารถที่จะเยียวยาบาดแผลและการแตกต่างทางความคิดใดๆได้เลย

ฉะนั้นคะแนนจากคนกรุงเทพฯจึงให้ต่ำที่สุด คือแค่ 3.89 เท่านั้น

และคะแนนที่สะท้อนออกมาในเรื่องผลงานรัฐบาล ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะผงงานที่ได้คะแนนเกินครึ่งมีเพียง 3 ประเด็นเท่านั้น

เรื่องแรก คือ เรื่องข่าวสารที่เผยแพร่จากสื่อต่างๆให้ประชาชนได้รับรู้ ได้คะแนน 5.15

ตามมาด้วยเรื่องการจัดการศึกษาสำหรับประชาชน ได้เกินครึ่งมานิดหน่อย คือ 5.10 ทั้งๆที่มีการปาวๆว่า นโยบายเรียนฟรีได้ผลงาน... แต่ประชาชนกลับตั้งคำถามว่า เรียนฟรีกับผีที่ไหน

คำว่าฟรี จะต้องฟรีจริงๆ แต่นี่ทุกครอบครัวยังต้องจ่ายค่าเทอม ยังต้องกู้หนี้ยืมสินมาซื้อเสื้อผ้า ซื้อกระเป๋า ให้ลูก

ทุกอย่างเป็นแค่ ดีแต่พูด ไปวันๆ

ขึ้นคัทเอาต์หราแบบไม่ละอาย หรือไม่เช่นนั้น คนทั้งพรรคประชาธิปัตย์ก็คงสอบตกภาษาไทย จึงไม่เข้าใจว่า คำว่า “เรียนฟรี”จะต้องหมายถึงอะไร

สิ่งที่สร้างภาพนั้นใช้คำว่าเรียนฟรีได้หรือ???

และสุดท้ายคะแนนที่สอบผ่านอย่างเฉียดฉิว คือ ผลงานของนายกรัฐมนตรี ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ไปแบบหวุดหวิดแค่ 5.03

เรียกว่าถ้าคะแนนหายไปแค่ 0.04 เท่านั้นนายอภิสิทธิ์ ก็สอบตกแล้ว

ก็จะโทษว่าใครได้ เพราะแม้แต่แค่ปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดภาคใต้ ฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ มาแต่อ้อนแต่ออกแล้ว ปรากฏว่านายอภิสิทธิ์ ยังมัวแต่เอ้อระเหย ไม่คิดจะลงไปเยี่ยมเยียน

ไปหลังจากที่ทีมข่าวของช่อง 3 ลงไปทำข่าวแล้วตั้ง 3 วัน

และเชื่อกันว่าเป็นการไปก็เพราะว่ามีเสียงสะท้อนเชิงลบดังระงมไปหมดแล้ว นั่นแหละถึงได้รู้สึกร้อนตัวว่าต้องลงพื้นที่เสียหน่อย

ฉะนั้นคะแนนนายอภิสิทธิ์ในเดือนมีนาคมนี้จึงฉิวเฉียวเจียนตกเอามากๆ

แต่ที่ร้ายที่สุดก็คือ รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ มีคะแนนผลงานที่ได้คะแนนน้อย ไม่ถึง 4 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 มากมายหลายเรื่อง อย่างน้อยที่สุดคือปาเข้าไปถึง 8 ประเด็นเลยทีเดียว

ไล่มาตั้งแต่การปาวๆว่าจะสร้างความสามัคคีของคนในชาติ แต่ประชาชนมองไม่เห็นว่าทำได้จริงตรงไหน จึงให้คะแนนแค่ 3.74

ทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คุยโอ่ว่าเศรษฐกิจดีแล้ว แข็งแรงแล้ว แต่ประชาชนมองตรงกันข้าม แถมยังเห็นว่านอกจากเศณษฐกิจไม่ดีแล้ว คนยังตกงานอีกเพียบ จึงทำให้คะแนนในการการแก้ปัญหาการว่างงานของรัฐบาลนี้ได้แค่ 3.70

และคะแนนการแก้ปัญหาความยากจน ประชาชนบอกว่าเอาไปแค่ 3.62 ก็ถือว่าสูงมากแล้ว

ส่วนเรื่องการปฏิบัติตนของนักการเมือง เรื่องของความสามัคคี รัฐบาลนี้ได้คะแนนไปแค่ 3.57

และเพราะว่าจนถึงวันนี้นอกจากสินค้าขาดแคลนขาดตลาด น้ำมันพืช น้ำตาลทราย มีปัญหาหมด แถมธุรกิจกำลังจ่อคิวขอปรับคาคาสินค้ากันอีกเป็นพรวน คะแนนในเรื่องราคาสินค้าของรัฐบาลชุดนี้เลยมีแค่ 3.56

ขณะเดียวกันเรื่องของยาเสพติดที่กลับมาทำลายสังคม ทำลายจิตใจของพ่อแม่ผู้ปกครอง ทำให้การแก้ปัญหายาเสพติดในสายตาของประชาชน มองว่า 3.47 บางทียังอาจจะมากเกินไปด้วยซ้ำ

ผลงานรองบ๊วยของรัฐบาลชุดนี้คือ การแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล ซึ่งได้คะแนนไปแค่ 3.27 และไม่สามารถที่จะโทษใครได้ เพราะ 2 มาตรฐานทำให้ระบบยุติธรรมยับเยิน จนสังคมมีผู้มีอิทธิพลทั้งในระบบและนอกระบบเกลื่อนกลาดไปหมด

แต่ที่เป็นผลงานย่ำแย่มากที่สุด กลับเป็นจุดขายจุดสร้างภาพลักษณ์ของรัฐบาลนี้ ที่มักจะเอาชั่วโยนใส่คนอื่นมาตลอดว่าเปรอะเปื้อนทุจริต แต่พอมาเป็นรัฐบาลเอง กลับมีคนรอบข้าง มีพรรคร่วมรัฐบาลที่ฉาวโฉ่เรื่องทุจริตคอรัปชั่นซ้ำแล้วซ้ำอีก

ซ้ำซากตลอด จนทำให้ประชาชนให้คะแนนในการแก้ปัญหาคอรัปชั่นของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ แค่ 3.25 จากคะแนนเต็ม 10

ก็ไม่รู้ว่าสวนดุสิตโพล จะช่วยเป็นกระจกให้รัฐบาล ให้นายอภิสิทธิ์ได้เพียงใด???

เพราะจิตสำนึกสอนกันไม่ได้เสียด้วย

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker