คนที่เสนอว่า “การเลือกตั้งไม่สำคัญ” โดยอ้างว่า ต้องการโค่นอำมาตย์อย่างเดียวแทน เป็นคนที่ไม่เข้าใจพลวัตของการต่อสู้ และความเชื่อมโยงระหว่างการต่อสู้ประจำวันกับการปฏิวัติ
โดย ใจ อึ๊งภากรณ์
ฟังบทความเสียงได้ที่ http://www.mediafire.com/?ymb85elu680798y
คนเสื้อแดงรู้ดีว่าอำมาตย์กำลังจะโกงการเลือกตั้งด้วยวิธีหลากหลาย ...
ตั้งแต่การทำรัฐประหาร ๑๙ กันยา การยุบพรรค การตัดสิทธิ์นักการเมือง การร่างรัฐธรรมนูญทหาร การใช้ กกต. เป็นเครื่องมือ การติดสินบนและการข่มขู่ให้นักการเมืองเปลี่ยนข้าง และการคุมสื่อด้วยกฏหมายเผด็จการ
นอกจากนี้เราเริ่มมองออกว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีความกระตือรือร้นที่จะเข้าใจสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย หวังแต่จะพึ่งบุญเก่าและไม่คิดค้นนโยบายใหม่ๆ ที่จะครองใจประชาชน ซึ่งอาจยิ่งทำให้ฝ่ายตรงข้ามโกงการเลือกตั้งได้ง่ายขึ้น
แต่คนที่เสนอว่า “การเลือกตั้งไม่สำคัญ” โดยอ้างว่า ต้องการโค่นอำมาตย์อย่างเดียวแทน เป็นคนที่ไม่เข้าใจพลวัตของการต่อสู้ และความเชื่อมโยงระหว่างการต่อสู้ประจำวันกับการปฏิวัติ
และที่แย่กว่านั้น บ่อยครั้งคนที่เสนอว่า เราต้องหันหลังกับการเลือกตั้ง เป็นคนที่ไม่มีข้อเสนออะไรเลยที่เป็นรูปธรรมนอกจากการด่าเบื้องบน หรือคนที่มองต่างมุมกับตนเอง
นักปฏิวัติมาร์คซิสต์อย่าง อันโตนีโอ กรัมชี่ อธิบายมานานแล้วว่า ในการปฏิวัติล้มอำมาตย์หรือเผด็จการทุนนิยม เราต้องให้ความสำคัญกับการต่อสู้เพื่อครองใจประชาชนด้วย ไม่เช่นนั้นเราจะเคลื่อนต่อไปเพื่อล้มระบบไม่ได้ เพราะเราจะขาดมวลชน
การต่อสู้เพื่อครองใจคนจำนวนมาก คือการต่อสู้เพื่อช่วงชิงความชอบธรรมในสังคม และในสังคมไทย ความชอบธรรมทางการเมืองที่มีพลังมหาศาล มาจากการชนะการเลือกตั้ง และประชาธิปไตย นี่คือสาเหตุที่เราหันหลังให้การเลือกตั้งไม่ได้
แต่นั้นไม่ได้หมายความว่า เราจะหลงคิดว่าการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้เป็นจุดจบของการต่อสู้ หรือจะแก้ปัญหาอะไรได้ และเราไม่ควรหลงคิดว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง เราจะมีอำนาจรัฐ และเราจะสามารถสร้างประชาธิปไตยแท้ได้
ประสบการณ์จากความอ่อนแอของรัฐบาลพรรคพลังประชาชนที่เผชิญหน้ากับม็อบมีเส้นและทหารที่ไม่ทำตามคำสั่งรัฐบาล น่าจะเป็นบทเรียนสำหรับเรา
แต่ในมุมกลับ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคแนวร่วมชนะการเลือกตั้งผ่านการโกงเล็กๆน้อยๆที่ทำมาตลอด เขาจะได้เปรียบมากในเชิงความชอบธรรม ถ้าเราไม่เตรียมตัวโต้ตอบล่วงหน้า
การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ไม่ใช่การกลับไปสู่สภาพเดิมของการเมืองไทยก่อนรัฐประหาร ๑๙ กันยา การเสนอนโยบายจิ๊บจ๊อยเรื่องราคาน้ำมันปาล์ม หรือเรื่องช่างไข่เป็นกิโล ไม่เหมาะสมกับสภาพการเมืองปัจจุบัน เพราะสังคมไทยผ่านวิกฤตการเมืองมาหลายปี ผ่านการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของคนเสื้อแดง ผ่านการสูญเสียทั้งสิทธิ์และเลือดเนื้อโดยอันธพาลพันธมิตรฯ และทหารมือเปื้อนเลือด
ตอนนี้ประชาชนไทยจำนวนมากต้องการแก้ปัญหาใหญ่ๆ ในสังคมไทย เช่นปัญหานักโทษการเมือง ปัญหากฏหมายเผด็จการ 112 ปัญหาระบบศาลที่ไม่มีมาตรฐานความยุติธรรม ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่เรื้อรัง และเกี่ยวข้องกับการทำรัฐประหารแต่แรก
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องใหญ่ๆ ทั้งสิ้นที่ท้าทายอำนาจอำมาตย์ และขบวนการเสื้อแดงต้องชูประเด็นเหล่านี้ และตั้งคำถามยากๆ กับนักการเมืองทุกพรรค รวมถึงพรรคเพื่อไทยด้วย
เราต้องมีส่วนสำคัญในการกำหนดวาระทางการเมืองของการเลือกตั้ง และข้อเสนอหรือข้อเรียกร้องของเราต้องแหลมคมพอที่จะทนทานต่อการแพ้การเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย คือต้องเป็นข้อเรียกร้องที่เราใช้เคลื่อนไหวต่อไปได้ ไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้ง
ในช่วงนี้มีหลายคนในขบวนการเสื้อแดง เช่น หนูหริ่งบก.ลายจุด พูดว่า
“คนเสื้อแดงเข้าใจว่าทำไมต้องต้านอำมาตย์ แต่ยังไม่เข้าใจประชาธิปไตย”
ผมคิดว่าเขาไม่ได้ใช้ประโยคนี้ในลักษณะเดียวกับที่ทหารเผด็จการ หรือพวกเสื้อเหลืองใช้เพื่อเป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหาร แต่ผมคิดว่า เราควรมีการขยายความและเปลี่ยนคำ เพราะประชาธิปไตยเป็นแค่พื้นที่อิสระเสรีสำหรับการกำหนดลักษณะสังคม นโยบายสาธารณะ และรูปแบบการปกครองโดยพลเมือง
ตรงนี้ผมมั่นใจว่าคนเสื้อแดงเข้าใจชัดเจน แต่ประเด็นว่าเราจะนำพื้นที่อิสระเสรีนี้มาใช้สร้างสังคมแบบไหน นั้นเป็นข้อถกเถียงแน่นอน
บางคนต้องการแค่หมุนนาฬิกากลับสู่รัฐบาลทักษิณ บางคนต้องการสิทธิเสรีภาพมากกว่านั้น บางคนต้องการระบบสาธารณรัฐ บางคนต้องการรัฐสวัสดิการ และในที่สุดสังคมนิยม
การที่เราชาวเสื้อแดงไม่มีจุดร่วมตรงนี้เป็นเรื่องธรรมดา แต่มันไม่ใช่ว่า เราไม่เข้าใจประชาธิปไตย และตราบใดที่เราไม่มีประชาธิปไตย เราก็ไม่สามารถลงมือถกเถียง และลองผิดลองถูกอย่างเป็นรูปธรรมในการใช้พื้นที่อิสระเสรีของประชาธิปไตยได้
ข้อเรียกร้องที่จะท้าทายอำมาตย์
1.ต้องปล่อยนักโทษการเมืองเสื้อแดงทุกคนและยกเลิกคดี
2.ต้องยกเลิกกฏหมายหมิ่นและกฏหมายคอมพิวเตอร์ที่ใช้ปิดปากประชาชนไทย
3. ต้องนำนักการเมืองและนายพลที่มีส่วนในการสั่งฆ่าประชาชนมาลงโทษ
4. ต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยชุมชนคนเสื้อแดงต้องมีส่วนสำคัญในทุกขั้นตอนของกระบวนการ
5. ต้องมีการปฏิรูปกองทัพ และระบบศาล แบบถอนรากถอนโคน
6.ต้องสร้างสันติภาพในภาคใต้และที่ชายแดนเขมรด้วยมาตรการทางการเมืองที่แทนวิธีทหาร
7.ประเทศไทยต้องเริ่มสร้างรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าและครบวงจร ผ่านการเก็บภาษีจากคนรวย
8.สหภาพแรงงาน และกลุ่มชุมชน ต้องมีสิทธิเสรีภาพในการต่อรองตามมาตรฐานสากล
อ่านบทความของใจ อึ๊งภากรณ์ได้ที่ http://redthaisocialist.com/
--