ที่มา
ประชาไทคนเสื้อแดงกลุ่มย่อยเปิดเวที "เสรีราษฎร" ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อคัดค้านกรณีนายทหารที่เกี่ยวข้องกับเหตุสลายชุมนุมเมษา-พฤษภา 53 ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง
(ที่มาของภาพ: Bus Tewarit)
เมื่อช่วงหัวค่ำวานนี้ (1 ต.ค.) ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย คนเสื้อแดงกลุ่มย่อยจัดเวที "เสรีราษฎร" เพื่อปราศรัยเพื่อคัดค้านกรณีที่มีนายทหารที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุม ปี 2553 ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง โดยมีคนเสื้อแดงประมาณหนึ่งพันคนร่วมชุมนุม โดยนางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด ผู้ช่วยพยาบาลที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม ได้ขึ้นปราศรัยด้วย
กลุ่มเสรีราษฎร ซึ่งประกอบด้วยองค์กรเสรีปัญญาชน กลุ่มสหายสีแดง กลุ่มนักศึกษา น.นปช. กลุ่มญาติวีรชนที่เสียชีวิต กลุ่มคนเจ็บและผู้ต้องขัง รวมถึงกลุ่มเพื่อนนักโทษการเมือง เป็นต้น ประมาณ 1,000 คน ได้จัดชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตั้งแต่ 17.00 - 23.00 น. โดยมีกิจกรรมเช่นการปราศรัยคัดค้านการแต่งตั้งทหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมทางการเมืองเมื่อเมษา-พฤษภาคม ปี 2553 และกิจรรมการแสดงดนตรี เป็นต้น ทั้งนี้มีผู้ร่วมปราศรัยที่น่าสนใจ ประกอบด้วย นายสมบัติ บุญงามอนงค์ อ.สุดา รังกุพันธ์ นางพะเยาว์ อัคฮาด รวมถึงตัวแทนกลุ่มต่างๆ เป็นต้น
นางพะเยาว์ อัคฮาด แม่ "น้องเกด" พยาบาลอาสาที่เสียชีวิต หนึ่งในสมาชิกกลุ่มเสรีราษฎร กล่าวถึงเหตุผลที่จัดกิจกรรมว่า "เรามาเรื่องโผทหารที่เรารับไม่ได้ เพราะเราถือว่าทหารที่ตั้งขึ้นมาตรงนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารประชาชนทั้งนั้น
พอฆ่าคนแล้วได้ดิบได้ดีได้บำเหน็จรางวัลแบบนี้ เราเป็นแม่ที่เสียลูกไปเราเหมือนโดนกระทืบซ้ำอีกทีหนึ่ง เพราะฉะนั้นเราถึงบอกเราไม่ยอม 70%เป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารประชาชนทั้งนั้น"
"หลังจากนี้จะมีกิจกรรมต่อแน่นอน เพราะภาคประชาชนตอนนี้เราต้องเดินเอง เราจะไปหวังพึ่งไม่ได้ว่าใครจะมาทำให้เรา
เราต้องทำเองต้องเรียกร้องเองแล้ว เรื่องโผทหารเราจะเดินหน้าในการที่จะประท้วงในฐานะผู้เสียหายก็ต้องประท้วงพวกคุณ ไม่ใช่ นปช. รัฐบาลหรือ ส.ส.คนไหน เพราะฉะนั้นตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา เราก็จะประท้วงไปเรื่อยๆ ในกิจกรรมของเรา ในเมื่อคุณหน้าด้านอยู่ในตำแหน่งนี้ตนก็ยอมปะทะกับคุณตลอดเวลา" นางพะเยาว์ อัคฮาด กล่าว
นายณัฐพัช อัคฮาด น้องชาย "น้องเกด" พยาบาลอาสาที่เสียชีวิต และในนามตัวแทน "กลุ่มเสรีราษฎร" ได้อธิบายเกี่ยวกับ กลุ่มว่า "เป็นกลุ่มที่ประกอบด้วยหลายองค์กร เช่น องค์กรเสรีปัญญาชน กลุ่มสหายสีแดง กลุ่ม นักศึกษา น.นปช. กลุ่มญาติวีรชนที่เสียชีวิต กลุ่มคนเจ็บและผู้ต้องขัง รวมถึงกลุ่มเพื่อนนักโทษการเมือง เป็นต้น มารวมกันในจุดหมายเดียวคือเรียกร้องความยุติธรรมและประชาธิปไตยที่เต็มรูปแบบ"
"โผทหารเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ ประชาธิปไตยมีรัฐธรรมนูญเป็นตัวบ่งบอก แต่กลับถูกฉีกเมื่อปี 49 โดยการทำรัฐประหารของทหาร ซึ่งส่วนใหญ่ก็อยู่ในโผชุดนี้ที่ตั้งขึ้นมา เพราะฉะนั้นเราก็ยอมไม่ได้ที่จะให้คนเหล่านี้กลับขึ้นมาอีก" ตัวแทนกลุ่มเสรีราษฎรกล่าว
นายณัฐพัช อัคฮาด ยังย้ำอีกว่า "เชื่อว่าที่ตั้งโผมาคุมกำลังนี้ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร
มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าประชาชนเมื่อปี 53 ขึ้นมาเป็นใหญ่นี้เพื่อที่จะเป็นการต่อรองกับรัฐบาลว่า ถ้ารัฐบาลไม่ทำตามที่กองทัพขอ เช่น เรื่องงบประมาณ เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการภายในกองทัพ เขาถือว่าเขามีปืนเขาก็จะยึดอำนาจ เพราะเขายังเชื่อว่ายังมีมือที่มองไม่เห็นหนุนหลังเขาอยู่"
นอกจากนี้นายณัฐพัช อัคฮาด ยังได้กล่าวถึงข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์ด้วยว่า "ทางกลุ่มยังสนับสนุนเต็มร้อยกับข้อเสนอของทางนิติราษฎร์ เพราะถือว่าพวกท่านเป็นคนที่กล้าหาญมากที่ออกมา ณ ตอนนี้ ทำให้รู้ว่าพวกตนนี้ไม่โดดเดี่ยว
กลุ่มตนถือเป็นภาคประชาชนที่สนับสนุนข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ที่เห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ผิดกับนักวิชาการบางกลุ่มที่เห็นประโยชน์แก่ของตนหรือพวกพ้องเป็นที่ตั้งและก็ทะเลาะแย้งชิงผลประโยชน์กันโดยไม่สนใจผลประโยชน์ของประชาชนว่าจะได้มากเพียงใด"
เกี่ยวกับความเคลือบแคลงใจเกี่ยวกับการแต่งตั้งทหารนั้น นายณัฐพัช อัคฮาด ระบุว่า"ที่หลายคนคุ้นหู เช่น พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ จากเสนาธิการ ตอนนี้ขยับขึ้นมาเป็นรองผู้บัญชาการทหารบก (รอง ผบ.ทบ.) ส่วนคนที่ 2 คือ พล.ท.โปฎก บุนนาค อดีตเป็นผู้บัญชาการสงครามพิเศษตอนนี้ขยับขึ้นมาเป็นเสนาธิการทหารบก คนที่ 3 พล.ต.กัมปนาท รุดดิษฐ์ อันนี้ขยับขึ้นมาเป็น พลโท เป็นอดีต ผบ.พล 1 รอ ซึ่งขยับมาเป็น รองแม่ทัพภาค 1
ซึ่งแต่ละคนมีส่วนเกี่ยวข้อกับการตายของประชาชน แล้วคนเหล่านี้กลับได้ดีโดยที่ไม่ได้เอาตัวเองไปพิสูจน์กับกระบวนการยุติธรรมว่าตัวเองผิดหรือไม่ผิด เกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับการตายของประชาชน"
สำหรับกิจกรรมต่อไปของทางกลุ่มตัวแทน"กลุ่มเสรีราษฎร" กล่าวว่า "ในวันอังคารนี้ราวบ่ายโมงพวกตนจะนำพวกหรีดไปที่กระทรวงกลาโหม ไปฝากกับท่านยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมต.กลาโหม ให้ท่าน ประยุทธ์ จันโอชา เป็นดอกไม้แสดงความยินดีจากพวกตน"