หลังรอดพ้นจากคดี “กล้ายาง” ไปได้ นายเนวิน ชิดชอบก็ประกาศตัวทันทีว่า ชีวิตที่เหลือจะอุทิศตัวเพื่อปกปักรักษาสถาบันช่างเป็นวิสัยทัศน์ส่วนตัวที่น่าเลื่อมใสยิ่งนักและช่างเป็นเรื่องตาลปัตร 360 องศายิ่ง กับพฤติกรรมเดิมที่เคยพึ่งพาอาศัยบารมีของ “นายใหญ่” โดยไร้ซึ่งวิสัยทัศน์ในคำพูดของเขาแม้แต่น้อยคนที่ใกล้ชิด “นายใหญ่” หลายคนก็รู้ดีว่า... คนเลือดสีน้ำเงินในขณะนั้นคิดอะไรเนียนจริงๆ และน่าจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายเมื่อได้เปลี่ยนขั้วแล้ว “แก๊งค์เนวิน” ก็สามารถเคลื่อนไหวโดยอาศัยคราบเสื้อสีน้ำเงิน “ปฏิบัติการลับ” ในสถานการณ์ยั่วยุการประชุมอาเซียนที่พัทยา และสถานการณ์“สงกรานต์เลือด” สำเร็จการระดมสร้างหน้าตาให้นายกฯ ได้เหยียบแผ่นดินอีสานอย่างเต็มเท้าที่บุรีรัมย์ นั่นก็ “ได้หน้า ได้ใจ” เบาเสียเมื่อไหร่ใครๆ ถึงอ่านเกมกันทะลุปรุโปร่งหมดว่า...ทำไมถึงกระโดดข้าม “พ้นต้นกล้ายาง” ไปได้ไม่มีใครเขาเชื่อหรอกว่า ถึงจะอุทิศตัวให้ดูเหมือนผิวขาวซักขนาดไหน ก็ไม่มีใครเขาเชื่อว่าจะทิ้งพฤติกรรม“งูเห่า” ออกจากใต้สำนึกช่างสอดรับกับทวิตเตอร์ของ “นายใหญ่ดูไบ” ที่รู้ดีกรณีคดีกล้ายาง และเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดจึงส่งข้อความที่เหน็บแนมหน่อยๆ ว่า “...ผมไม่ขัดข้องและไม่โกรธเลยที่ ถ้าท่านจะย้ายข้ามฟากเพื่อความรอดพ้น เพราะท่านมีครอบครัวต้องรับผิดชอบ แต่ข้ามฟากอย่างเดียวไม่พอท่านต้องเนียนด้วยการคลอเคลียใส่ความผมเยอะๆ และลืมไม่ได้ที่ต้องทับถม ระบอบทักษิณ...และข้อกล่าวหาที่ได้ผลชะงัดคือ ล้ม
ล้างสถาบัน ทั้งๆ ที่ท่านรู้ดีว่าผมเทิดทูนสูง....ถ้าเนียนจริงก็จะได้เป็นนายหน้าค้าอำนาจ.....”จึงเฉลยเป็นนัยๆ ต่อวิสัยทัศน์ของ “ผู้มีบารมีนอกพรรคภูมิใจไทย” ว่า เหตุใดถึงได้แสดงวิสัยทัศน์อย่างคมคายแต่น่าเคลือบแคลงหลังคดีถูกยกฟ้องทั้งได้สะท้อนพฤติกรรมบางอย่างให้เห็นอีกว่า ทุกความคิดทุกแนวทางและทุกแผนการ หากสามารถทำให้ถูกใจใครถูกใจ “ศัตรูเก่ามิตรใหม่” และถูกใจเผด็จการซ่อนรูปได้แล้วละก็มีสิทธิ์เป็น “นายหน้าค้าอำนาจ” ได้อย่างสบายตัว และสบายพรรคไปอีกนานอย่างน้อย ณ ปัจจุบันกาล ก็เห็นเป็นตัวอย่างไม่น้อยในเกม “เด็กเล่นขายของ” ของวงการตำรวจ จนมิตรรักต่างพรรคได้รับฉายาว่ามี “ภาวะผู้นำบกพร่อง” อย่างค่อนข้างจะสมบูรณ์มากขึ้นอย่างน้อยมิตรรักต่างพรรคที่ว่าเป็น พรรคเก่าแก่ที่สุด อยู่ยงคงกระพันที่สุดก็ไม่กล้าจะ “เขกกบาล”เล่นแถมยังอดเสียวสันหลังไม่ได้ทุกครั้งที่ “นายหน้าค้าอำนาจ” ปล่อยเกมต่อรองเจรจาเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายในทุกกระทรวงและอย่างน้อย “ผู้มีบารมีนอกพรรคภูมิใจไทย” ก็เก่งกว่าและนวลเนียนกว่า ที่สามารถหยิบใช้ก๊วนเสื้อสีเขียว เอาไปเป็น “เครื่องมือ” เคลื่อนไหวการเมืองในชนบทอย่างสอดประสานกับกรมปกครองส่วนท้องถิ่นที่ฝ่ายตนควบคุมอย่างมีเอกภาพไม่เชื่อลองดู “บอดี้การ์ด”ส่วนตัวก็แล้วกัน ว่าชื่อเสียงเรียงนาม สังกัดกองพันไหน ?นี่ขนาดอยู่นอกพรรคนะ ถ้าวันไหนได้นั่งหัวหน้าพรรคเต็มก้นละก็ คอยดูเถอะ !!!■