คอลัมน์ เหล็กใน
หลังโครงการชุมชนพอเพียงส่อทุจริต จนประชาธิปัตย์ต้องไล่ตัดตอนฆ่าปลาซิวปลาสร้อยไป 4 ตัว
แต่ก็ยังมีหลายโครงการส่งกลิ่น โดยเฉพาะการซื้อสิ่งของที่แพงเกินจริง และสิ่งของที่ไม่ได้คุณภาพในอีกหลายพื้นที่
สำหรับโครงการไทยเข้มแข็ง เป็นโครงการลงทุนตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 มูลค่า 1,431,330 ล้านบาท ปี 2552-2555 ประกอบด้วย
โครงการขนส่งและโลจิสติกส์ 571,523 ล้านบาท
โครงการด้านทรัพยากรน้ำและการเกษตร 238,515 ล้านบาท
โครงการด้านการศึกษา 137,975 ล้านบาท
โครงการสาธารณสุข 99,399 ล้านบาท
โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการท่องเที่ยว 18,537 ล้านบาท
ความไม่ชอบมาพากลของโครงการไทยเข้มแข็ง เปิดประเด็นโดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ระบุว่าได้รับแจ้งจากข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขถึงการใช้งบประมาณจากโครงการไทยเข้มแข็ง ส่อไปในทางทุจริต ในการจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์กว่า 3 หมื่นล้านบาท ในลักษณะที่ผู้ใช้ไม่ได้ซื้อ ผู้ซื้อไม่ได้ใช้
นักการเมืองออกมาเปิดโปงนักการเมืองด้วยกัน อาจจะดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก
แต่พอเป็นน.พ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ เลขาธิการมูลนิธิแพทย์ชนบทออกมาก็ยิ่งน่าเงี่ยหูรับฟัง
น.พ.พงศ์เทพระบุว่า ปัญหาของโครงการไทยเข้มแข็งในส่วนของสาธารณสุขไม่ใช่อยู่ที่การล็อกสเป๊ก แต่อยู่ที่สิ่งที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ซื้อนั้น โรงพยาบาลไม่ได้ขอ หรือมีความต้องการ เช่น เครื่องฆ่าเชื้อด้วยยูวี ราคา 40,000 บาท ไม่มีใครขอ เพราะราคาแค่นี้ถ้าโรงพยาบาลจำเป็นต้องใช้ ก็สามารถใช้เงินบำรุงจัดซื้อเองได้
แค่อนุมัติให้ซื้อทุกโรงพยาบาลก็จะเป็นเงินกว่า 300 ล้านบาท
น.พ.พงศ์เทพกล่าวว่า นอกจากนั้น ยังปัญหาใหญ่คือราคาที่อนุมัติแพงเกินไป เช่น เครื่องช่วยหายใจราคา 1.2 ล้าน แต่โรงพยาบาลบางแห่งเพิ่งซื้อไป 5 แสนกว่าบาทเท่านั้น หรือแฟลตพยาบาล ราคา 9.6 ล้านบาท แต่เมื่อต้นปี 2552 โรงพยาบาลบางแห่งเปิดซองประมูลได้ราคาแค่ 6 ล้านบาท รวมทั้งเครื่องฆ่าเชื้อยูวีก็ราคาแค่ 6,000 บาทเท่านั้น
เลขาธิการมูลนิธิแพทย์ชนบทยังเปิดเผยด้วยว่า จากการสอบถามโรงพยาบาลบางแห่ง พบว่ามีนักการเมืองในพื้นที่ไปติดต่อว่าอยากได้อะไร แล้วนำไปเพิ่มราคา โดยผ่านกองแผนงานของกระทรวงสาธารณสุข เวลาประมูล ถ้าฮั้วราคากันก็คงได้ราคากลางพอดี ทั้งที่ควรจะถูกกว่านั้น
"การจัดสรรผ่านคนไม่กี่คนในส่วนกลางในช่วงที่กำลังจะตั้งปลัดกระทรวงและอธิบดีใหม่ อาจมีคนในกระทรวงที่อยากก้าวหน้าชงให้ก็ได้" น.พ.พงศ์เทพระบุ
พร้อมกับเตือนว่าเรื่องนี้ระวังซ้ำรอยคดีทุจริตยาและเครื่องเวชภัณฑ์
ที่ส่งผลให้นายรักเกีรยติ สุขธนะ ติดคุกอยู่ในขณะนี้