หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองตัดสินยกฟ้องจำเลยทั้ง 44 คน ในคดีทุจริตกล้ายางพารา
จบคำพิพากษา นายเนวิน ชิดชอบ อดีตรมช.เกษตรฯ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ถึงกับกักเก็บน้ำตาแห่งความดีใจไว้ไม่อยู่ เช่นเดียวกับสมาชิกพรรคตั้งแต่หัวขบวนยันท้ายขบวนต่างพากันโล่งใจไปตามกัน
จะว่าไปแล้วคดีกล้ายางเหมือนหอกเล่มใหญ่ปักกลางหลังนายเนวิน มาตั้งแต่หลังเหตุการณ์ปฏิวัติ 19 กันยาฯ 2549
ถึงต่อมานายเนวิน จะพยายามไถ่โทษด้วยการยกพวกย้ายขั้วหนีจากพรรคอดีตนายใหญ่ มาสนับสนุนประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ทำหน้าที่"นั่งร้าน"ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุดทางการเมือง
นายเนวิน นำทัพภูมิใจไทยเข้าเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเต็มภาคภูมิ กวาดเอากระทรวงเกรดเอ ทั้งมหาดไทย คมนาคม พาณิชย์มาไว้ในมือ
กระนั้นก็ตามคดีกล้ายางก็ยังเสมือนสารพิษตกค้าง ซึ่งไม่เพียงมีผลต่อชะตากรรมนายเนวินโดยตรง แต่ยังมีผลชี้เป็นชี้ตายอนาคตพรรคภูมิใจไทย
ดังนั้น ถึงจะดูเว่อร์ๆ แต่ก็ไม่แปลกประหลาดกับอาการต่อมน้ำตาแตกของนายเนวิน และความคึกคักของสมาชิกพรรคภูมิใจไทย หลังรู้ผลคำพิพากษาศาล
หลายคนเชื่อว่าหลังการตัดสินคดีกล้ายาง
พรรคประชาธิปัตย์อาจต้องเผชิญกับพลังต่อรองทางการเมืองจากพรรคภูมิใจไทยมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว
โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำลังฝุ่นตลบอยู่ ณ เวลานี้
กล่าวกันว่าผลจากการยกฟ้องคดีกล้ายาง
มีส่วนสำคัญทำให้พรรคภูมิใจไทยมีสถานะทางการเมืองมั่นคงมากขึ้น แต่จะทำให้เสถียรภาพรัฐบาลมั่นคงมากขึ้นด้วยหรือไม่ ยังเป็นเรื่องน่าสงสัย
ยกตัวอย่างเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เดิมพรรคประชาธิปัตย์ถูกกดดันจากพรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดงในเครือข่ายทักษิณเป็นด้านหลักเท่านั้น
แต่ถึงตอนนี้ต้องบวกแรงกดดันจากพรรคร่วมรัฐบาลเข้าไปด้วย
เพราะทันทีที่นายเนวินพ้นเคราะห์คดีกล้ายาง แกนนำพรรคภูมิใจไทยก็ออกมาทุบโต๊ะทวงสัญญาจากพรรคประชาธิปัตย์ทันที ว่าจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญเร่งด่วน 2 ประเด็น
มีการพูดกันมากถึงมาตรา 190 ที่กำหนดให้รัฐบาลเวลาทำสัญญาใดๆ กับต่างประเทศต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาเสียก่อน ว่าจำเป็นต้องแก้ไขเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐบาล
แต่บางคนกลับมองว่าการเสนอแก้ไขมาตรา 190 เป็นเพียงฉากหน้าบดบังผลประโยชน์ส่วนตัวของนักการเมือง ที่แฝงอยู่เบื้องหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้มากกว่า
โดยเฉพาะประเด็นที่มาของส.ส. ที่พรรคภูมิใจไทยและทุกพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทย ต้องการแก้ไขจากระบบแบ่งเขตเรียงเบอร์ กลับไปใช้ระบบเขตเดียวเบอร์เดียวหรือวันแมนวันโหวต
ขณะที่สถานการณ์ภายในพรรคประชาธิปัตย์ต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็แบ่งแยกออกเป็น 2 ฝ่าย
ฝ่ายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้นพยายามยื้อเวลาด้วยการโยนหินเสนอตั้งคณะส.ส.ร. ส่วนจะแก้ประเด็นใดบ้างนั้นให้ทำประชามติสอบถามคนทั่วประเทศ
อีกด้านคือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พยายามจะรักษาสัญญาเดิมที่เคยให้ไว้กับพรรคร่วมในช่วงเจรจาจัดตั้งรัฐบาล
ถึงแม้ในที่สุดวิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน และวิปวุฒิสภา จะตกลงกันในเบื้องต้นว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็นตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์
ส่วนวิธีการแก้ไขจะอย่างไร วิป 3 ฝ่ายยังไม่สรุป โดยจะรอหารือกับนายกฯ อีกครั้งหลังกลับจากร่วมประชุมยูเอ็น
แน่นอนว่าฝ่ายค้านคงไม่เห็นด้วยกับการตั้งส.ส.ร.3 รวมไปถึงการทำประชามติเนื่องจากมองว่าเป็นเกมซื้อเวลาของพรรคประชาธิปัตย์
แต่ที่นายอภิสิทธิ์ จำเป็นต้องรับฟังอย่างจริงจังคือเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลนำโดยพรรคภูมิใจไทย ที่เปิดเผยท่าทีออกมาแล้วว่าไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของประชาธิปัตย์ที่จะให้ตั้งส.ส.ร.
นอกจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยังต้องรอให้นายกฯ กลับมาชี้ขาดแล้ว
กรณีแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือผบ.ตร.คนใหม่ ก็ยังเป็นปัญหาคาราคาซัง พฤติกรรมหัวชนฝาของนายอภิสิทธิ์ ส่งผลร้ายต่อเสถียรภาพรัฐบาลอย่างไร เป็นที่รับรู้กันอยู่
ครั้งหนึ่งนายอภิสิทธิ์ ถึงขั้นขู่จะยุบสภาเพราะไม่พอใจนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทยและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่ยอมโหวตเลือกผบ.ตร.ตามที่ตนเองต้องการ
ซึ่งน่าจะเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบตามประสาเด็กเอาแต่ใจ
เพราะเมื่อการเมืองเปลี่ยนประเด็นมาเป็นเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ออกมายอมรับเองว่ารัฐบาลไม่พร้อมยุบสภาตอนนี้
นายสุเทพอ้างถึงอารมณ์และความรู้สึกประชาชน ว่าไม่อยู่ในสภาพพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง อีกทั้งหลักเกณฑ์กติกาต่างๆ ยังไม่ได้รับการแก้ไขให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
แต่เบื้องหลังมีการวิเคราะห์ว่าจริงๆ แล้วพรรคประชาธิปัตย์รู้ดีว่าตัวเองยังไม่พร้อมสำหรับการเลือกตั้งในเวลาอันใกล้นี้
ในจังหวะที่พรรคเพื่อไทยยิ่งทุบยิ่งโต
พรรคภูมิใจไทยก็ได้รับแรงหนุนจากกองทัพ ตำรวจ และข้าราชการมหาดไทย ยิ่งการที่นายเนวิน หลุดบ่วงคดีกล้ายาง ก็เหมือนเสือหลุดจากกรง
เมื่อดูจากสภาพดังกล่าวโอกาสที่ประชาธิปัตย์จะได้กลับมาเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งใหม่ มีเปอร์เซ็นต์น้อยกว่าการได้กลับไปเป็นฝ่ายค้านดักดาน
ดังนั้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาถ้าหากพรรคประชาธิปัตย์จะใช้เงื่อนไขการแก้รัฐธรรมนูญเป็นตัวดึงเกมยุบสภา
ยื้ออายุเป็นรัฐบาลไว้ให้นานที่สุด