*จดหมายร้องเรียนถึงประธานธิบดีสหรัฐอเมริกา แดนแรกรับ ทัณฑสถานหญิงกลาง (เรือนจำคลองเปรม) กรุงเทพ ประเทศไทย 16 กันยายน 2552 เรียน ท่านประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ข้าพเจ้า นางสาวดารณี ชาญเชิงศิลปกุล สัญชาติไทย อายุ 46 ปี ปัจจุบันถูกรัฐบาลคุมขังอยู่ที่แดนแรกรับ ทัณฑสถานหญิงกลาง ในข้อหาดูหมิ่น หมิ่นประมาท แสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท โดยถูกจับกุมคุมขังมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2551 และต่อมาเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2552 ศาลไทยได้มีคำพิพากษาให้จำคุกข้าพเจ้ามีกำหนด 18 ปี ในความผิดดังกล่าว ข้าพเจ้าถูกจับกุมในข้อหาข้างต้นในระหว่างการปราศรัยทางการเมือง เพื่อคัดค้านกลุ่มนายทหารที่ก่อการรัฐประหารล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ของประชาชนไทย เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ซึ่งในขณะที่ข้าพเจ้าปราศรัยทางการเมือง กลุ่มทหารดังกล่าวพร้อมด้วยกลุ่มข้าราชการที่มีอำนาจ และกลุ่มการเมืองที่พวกเขาจัดตั้งขึ้นกำลังพยายามที่จะร่วมกันล้มรัฐบาลที่ มาจากการเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการยึดทำเนียบรัฐบาล และยึดสนามบินนานาชาติ ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า ข้าพเจ้าถูกจับกุมคุมขังในคดีนี้ด้วยเหตุผลทางการเมืองทั้งสิ้น โดยมีเจตนาที่จะมิให้ประชาชนไทยร่วมกันต่อต้านอำนาจของทหารและข้าราชการ ข้าพเจ้าจึงถูกคุมขังตั้งแต่นั้นมาจนบัดนี้ ตั้งแต่ถูกจับกุมคุมขัง ข้าพเจ้าถูกปฏิเสธการให้ประกันตัวจากศาลไทยโดยไม่มีเหตุผลทางกฎหมายที่รอง รับ การปฏิเสธทั้งสิ้นทั้งที่ในลักษณะแห่งคดีเดียวกัน ผู้ถูกกล่าวหาเกือบทุกรายจะได้รับการประกันตัวไปในระหว่างการต่อสู้คดี นอกจากนั้น ในการไต่สวนพิจารณาคดีสืบพยานในคดีดังกล่าว ข้าพเจ้าต้องถูกไต่สวนพิจารณาคดีโดยลับ การพิจารณาคดีของข้าพเจ้า ศาลไทยไม่อนุญาตให้ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงของข้าพเจ้า สื่อมวลชนนักหนังสือพิมพ์ และตัวแทนขององค์การสิทธิมนุษยชนใดๆ เข้าร่วมฟังโดยเด็ดขาด ข้าพเจ้าได้เรียกร้องขอให้ศาลได้เปิดการพิจารณาคดีโดยเปิดเผย ซึ่งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญของไทย และเป็นสิทธิตามหลักกฎหมายนานาชาติ รวมทั้งเป็นไปตามหลักปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งนานาชาติรวมทั้งรัฐบาลไทยได้ลงนามให้สัตยาบันไว้โดยไม่มีเงื่อนไข แม้ในระหว่างการพิจารณาคดีลับ ข้าพเจ้าและทนายความของข้าพเจ้า รวมทั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติ เช่น องค์การนิรโทษกรรมสากล และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย จะได้เรียกร้องอย่างแข็งขันเพื่อขอให้ศาลไทยเปิดการพิจารณาไต่สวนคดีอย่าง เปิดเผยก็ตาม แต่คำเรียกร้องนั้นถูกปฏิเสธโดยไม่มีเหตุผลทางกฎหมายรองรับแต่อย่างใด รวมทั้งการติดต่อระหว่างข้าพเจ้ากับทนายความ ในระหว่างไต่สวนพิจารณาคดีก็ไม่อาจทำได้โดยปราศจากการดักฟัง ในทุกวันนี้ หลังจากมีคำพิพากษาให้จำคุก 18 ปี ข้าพเจ้ายังถูกลงโทษด้วยการสั่งให้ขังเดี่ยว และถูกประจานในที่คุมขังด้วยการแขวนป้ายซึ่งระบุความผิดและโทษที่ได้รับ ซึ่งถือเป็นการลงโทษที่หนักไปกว่าโทษจำคุก 18 ปี ซึ่งหนักอยู่แล้ว ข้าพเจ้า เชื่อมั่นว่า หากนานาชาติซึ่งปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย เคารพในสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นคน ย่อมเห็นพ้องต้องกันว่า ชะตากรรมที่ข้าพเจ้าได้รับอยู่นี้ เป็นอาชญากรรมที่รัฐบาลไทยทำต่อประชาชนของตนอย่างแน่นอน นอกจากข้าพเจ้าแล้ว ยังมีประชาชนและนักเคลื่อนไหวอีกจำนวนหนึ่งที่ถูกกักขังและลงโทษในความผิดเดียวกันกับข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้าขอร้องเรียนมายังท่านโดยตรง ด้วยความเชื่อมั่นว่า หากท่านทราบถึงข้อเท็จจริงในชะตากรรมของข้าพเจ้าและนักโทษการเมืองอื่นๆ ในประเทศไทยแล้ว ท่านสามารถอธิบายและโน้มน้าวให้รัฐบาลไทยยุติการกักขังและทรมานนักโทษการ เมืองเช่นข้าพเจ้าหรือนักโทษการเมืองอื่นๆ ได้ ข้าพเจ้าเชื่อมั่น ว่าท่านซึ่งเป็นผู้นำของรัฐซึ่งเป็นประชาธิปไตย และเคารพในสิทธิเสรีภาพของมนุษยชาติ จะไม่เพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองไทยดังที่ข้าพเจ้าร้องเรียนต่อท่าน ดังกล่าว ข้าพเจ้าขอวิงวอนให้ท่านได้โปรดดำเนินการโดยด่วนในทุกวิถีทางเท่าที่สามารถ ทำได้เพื่อให้รัฐาลไทยยุติการกักขังและทรมานนักโทษการเมือง และคืนเสรีภาพให้กับผู้คนที่เขากักขังไว้ ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าในทุกเวที ในทุกสถานที่ ท่านซึ่งเคารพในสิทธิมนุษยชนจะได้โปรดดำเนินตามที่ข้าพเจ้าร้องขอ อนึ่ง ด้วยความจำเป็นจากระเบียบและกฎเกณฑ์ของเรือนจำ เจ้าหน้าที่เรือนจำจึงไม่ยินยอมอนุญาตให้ข้าพเจ้าลงรายมือชื่อในหนังสือนี้ ทำให้ข้าพเจ้าไม่สามารถที่จะลงชื่อในหนังสือฉบับนี้ได้ด้วยตนเอง ข้าพเจ้าจึงขอมอบหมายให้นายประเวศ ประภานุกูล ทนายความของข้าพเจ้า เป็นผู้ลงนามแทน แต่ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าหนังสือนี้จัดทำขึ้นตรงตามเจตนาและความประสงค์ของ ข้าพเจ้าทุกประการ (ประเวศ ประภานุกูล) ทนายความในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากนางสาวดารณี ชาญเชิงศิลปกุล |