คอลัมน์ เหล็กใน
นายวีระ สมความคิด พาพันธมิตรฯ จากเมืองกรุงและอีสานบุกไปทวงคืนเขาพระวิหาร จนเกิดปะทะกับชาวบ้านในพื้นที่
แต่สื่อในมือของพันธมิตรฯ พยายามปลุกปั่นสร้างกระแส"คลั่งชาติ"อยู่เนืองๆ ในทำนองชาวบ้านศรีสะเกษ ทำร้ายผู้รักชาติ
งานนี้พูดได้ว่าพันธมิตรฯพลาดอย่างแรง พอๆ กับการยึดสนามบินสุวรรณภูมิ
คนที่ซวยไปด้วยคือรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ
เพราะเกือบปีที่ไล่ด่ารัฐบาลที่แล้วเรื่องเขาพระวิหาร โชว์พาว โชว์ลีลาเก่งฉกาจบนเวทีเสื้อเหลือง
แต่เมื่อเข้ามาทำหน้าที่โดยตรง ล่วงเลยมาเกือบปีเช่นกัน ทั้งรัฐบาลและนายกษิต ณ พันธมิตรฯ ก็ยังใบ้รับประทานในปัญหาความขัดแย้งเรื่องนี้
แถมยังปล่อยให้กัมพูชาแสวงหาผลประโยชน์บนพื้นที่พิพาททางทะเล ซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากรพลังงานสำคัญ ถึงขั้นเปิดประมูลให้บริษัทน้ำมันจากฝรั่งเศสเข้ารับสัมปทาน
ก่อนหน้านี้ทหารเรือที่ดูแลอธิปไตยทางทะเลของไทย แสดงความอึดอัดเพราะทำอะไรไม่ได้เนื่องจากไม่มีคำสั่งของรัฐบาล ทำได้เพียงขับเรือโฉบเฉี่ยวไปมาแสดงความเป็นเจ้าพื้นที่ดังกล่าว
การทำงานด้วย"ปาก"กับต้องเผชิญปัญหาด้วยตัวเอง มันจึง ต่างกันฉะนี้แล
ย้อนกลับไปที่ปัญหาเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นแอ๊กชั่นล่าสุดที่พันธมิตรฯออกมาเคลื่อนไหว ก่อนถูกกระแสคนในพื้นที่ต่อต้าน
สิ่งหนึ่งที่ต้องคิดและเข้าใจคนในพื้นที่ คือชาวบ้านต้องอยู่จุดนี้อีกยาวนานชั่วลูกชั่วหลาน
ส่วนพันธมิตรฯมาแล้วก็ไป แถมไม่ได้มาเปล่าๆ ท้าตีท้าต่อยกับทหารกัมพูชา
หากเกิดปัญหากระทบกระทั่งกันขึ้นมา คนที่ซวยคือชาวบ้านในพื้นที่ เพราะพันธมิตรฯเปิดตูดหนีกลับกรุงเทพฯ หรือกลับบ้านตัวเองหมดแล้ว
จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมชาวบ้านจึงเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง เพราะเจอกลุ่มพันธมิตรฯดอดมาหย่อนระเบิดเอาไว้เป็นระยะๆ ตั้งแต่เกิดปัญหาพิพาทใหม่ๆ
ที่หนักก็คือล่าสุดนักการเมือง ส.ว. และนักวิชาการสายเหลืองอ๋อย ออกมาฮึ่มๆ ขู่ให้ทหารเข้าไปจัดการกรณีเขาพระวิหาร
เรื่องรบเชื่อว่าทหารไทยไม่ถอยอยู่แล้ว แต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ จะแก้ปัญหานี้ได้จริงหรือ
การรักชาติ หรือหวงแหนอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนต้องทำ
แต่ไม่ใช่ปั่นกระแสจนกลายเป็นความ"คลั่งชาติ" เพื่อหวังผลบางประการ
อย่างนั้นไม่ใช่รักชาติแล้ว แต่เป็น"ทำลายชาติ"มากกว่า