คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
คาดเชือก คาถาพัน
ยิ่งในเหตุการณ์ข้อพิพาทเขาพระวิหาร
ต้องบอกว่า ได้แสดงทัศนคติต่อชีวิตผู้คนและความยึดถือในเขตประเทศชาติ ได้อย่างก้าวหน้า ยิ่งกว่าพวกนักเคลื่อนไหวการเมืองการม็อบเยอะ
ยิ่งเทียบกับท่าทีของส.ว.คนดังแกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. ที่แสดงความคับแคบทางเชื้อชาติอย่างน่าตกใจ ด้วยการจะให้เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านภูมิซรอลเพราะเป็นภาษาเขมร
ถือว่าคนละชั้นกันไปเลยกับเทพเทือก
เน้นย้ำสันติวิธี ความเป็นมิตรของชาวบ้านสองชาติที่ไปมาหาสู่กันอยู่ร่วมกัน ซึ่งไม่ควรมาปลุกระดมชาตินิยมชวนรบกัน
ราวกับเป็นปัญญาชนนักประวัติศาสตร์ชาติ พันธุ์ผสมนักสิทธิมนุษยชน อะไรขนาดนั้นเลยทีเดียว!??
อันที่จริงกลุ่มพันธมิตรนั้น ได้แสดงจุดยืนต่อปัญหาเขาพระวิหารอย่างเด่นชัดมาโดยตลอดว่า เป็นขบวนการชาตินิยมสุดโต่ง จนเรียกกันว่าคลั่งชาติ
เรียกร้องอย่างแน่ชัด ให้กองทัพแสดงกำลังอำนาจเข้ากดดันฝ่ายกัมพูชา ผลักดันคนที่พักอาศัยในพื้นที่พิพาทออกไปให้ได้
แล้วการแสดงออกของพันธมิตร ในอันที่จะบุกขึ้นไปประกาศเจตนารมณ์ที่ผามออีแดงนั้น ก็คือพันธมิตรของแท้แน่นอน
ถ้าเชื่อว่าตนเองถูกต้องแล้ว คนอื่นอย่าได้มาทัดทาน
แม้จะเป็นคนที่อยู่ในพื้นที่นั้นก็เถอะ คนที่จะได้รับผลกระทบหากเกิดศึกสงครามขึ้นมาก็เถอะ
ถ้าพันธมิตรเชื่ออะไรแล้ว ใครอย่าได้มาขวางเป็นอันขาด เป็นพวกทาสเขมรไปหมด
ก็เลยต้องขว้างปาทุบตีเลือดอาบกันไปตลอดเส้นทางสู่การขึ้นไปยืนประกาศชัยชนะ!
ส่วนกรณีข้อเสนอของส.ว.ที่ให้เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านนั้น
อคติชิงชังทางชาติพันธุ์อย่างร้ายกาจ
ไฟใต้ยังไงก็ยังงั้นเลย!?!