วันก่อนไปเดินตามห้างพบร้านขายหนังสือ บริษัทไพรินบุ๊คเน็ต ที่อยู่ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป เปิดอ่านดูอยู่หลายเล่ม มีหนังสือทุกแนว ทั้งอาหาร ภาษาอังกฤษ รวมถึงหนังสือเด็กๆมีตั้งแต่อนุบาล แบบฝึกอ่านเขียนแต่ที่ขายดีคนหยิบมากๆ เห็นจะเป็นหนังสือประวัติเรื่องเก่าๆเรื่องเล่าของแผ่นดินสยาม และหนังสือแนวความเชื่อศาสนาพระเกจิและธรรมะเศรษฐกิจแบบนี้คนทั่วไปชอบอ่านหนังสือ... จะมาเลือกซื้อหนังสือที่ดีราคาถูกอย่างนี้อ่านกันเป็นส่วนมากเลยพลอยทำให้ใจคิดไปว่า... หากรัฐบาลเอาจริงเอาจังให้เกิดผลงานเป็นชิ้นเป็นอันกับการส่งเสริมความรู้ให้แก่เด็กเยาวชนควรเอาแบบอย่างแม้ว่าบางส่วนจะได้หนังสือเรียนฟรีๆ... แต่ก็ต้องนำเอามาคืนมิใช่หรือเวลาเรียนจบ สู้มอบให้เด็กๆ ไปเลยไม่ต้องเอามาคืนและไปหาวิธีในการบริหารจัดการใหม่เอาหนังสือดีมีคุณภาพราคาถูก... ในเมื่อเอกชนยังทำได้ทำไมภาครัฐที่มีโรงพิมพ์เองจะทำไม่ได้ อยู่ที่ว่าจะทำหรือไม่เท่านั้นนโยบายเรียนฟรี 15 ของภาครัฐบาลนั้นเข้าท่าดี...แต่เรื่องของหนังสือและการส่งเสริมการอ่านอยากให้ทำเป็นรูปธรรมมากกว่านี้หนังสือต่อเล่มต้นทุนไม่น่าที่จะเกิน 40 บาท ภาครัฐแจกให้ฟรีๆ ยังได้หาก
มี “ความจริงใจ” ที่จะส่งเสริมเยาวชนอย่างที่คิดและทำอยู่ หรือหากจะขายก็ขายในราคาเอากำไรเพียงแค่บาทเดียว“กระทรวงเสมา” ก็มีเงินพอที่จะบริหารจัดการได้อย่างสบายมากแล้ว!อีกอย่างหนึ่ง... ต้องล้มเลิกบรรดาบริษัทเข้าไปประมูลขอพิมพ์แบบเรียนหรือไปทำสัญญากับสำนักพิมพ์แบบผูกขาดเสียภาครัฐต้องหันกลับมาดำเนินการเองเชื่อว่า... เป็นการส่งเสริมการอ่านได้อย่างดีเยี่ยมทีเดียว แม้จะมีบางองค์กรที่รัฐเข้าไปมีส่วนอยู่กับการจัดพิมพ์หนังสือ คือ “คุรุสภา”แต่ทว่าราคายังแพงหูดับ... ทำเอาผู้ปกครองส่ายหน้าเป็นพัดลมบางครั้งเราควรมองว่า... ภาคเอกชนควรเข้ามาบริหารจัดการอย่างไรจึงทำให้เกิดประสิทธิภาพ ทำให้เกิดผลต่อเยาวชนมากที่สุดอยากให้เด็กไทย... คนไทยฉลาด ฯพณฯ ท่านทั้งหลายต้องลงมาใส่ใจจริงๆ จังๆ อย่าให้เกิดแต่ภาพความฝันที่ว่าไว้เรียนฟรี 15 ปี...เรียนอย่างไรเรียนอย่างให้ผ่านพ้นไปวันๆ หรือเรียนอย่างมีคุณภาพการศึกษาของเด็กไทยต้องทำให้เป็นเหมือนร้านหนังสือให้ได้ คือ สามารถสัมผัสจับต้องได้ เข้าถึง และราคาไม่แพงหากอยากรู้เทคนิคลองถาม “คุณฉัตรเฉลิมเฉลิมชัยวัฒน์” ว่าเขาทำกันอย่างไร เพราะเขาคือมาสเตอร์ดีกรีหนังสือดีราคาถูกคนแรกของประเทศไทย■