คอลัมน์ เหล็กใน
เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา
กลุ่มพันธมิตรเสื้อเหลืองแปลงร่าง อ้างรักชาติ และอยากได้ปราสาทพระวิหาร
นำโดยพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ไปชุมนุมท้าทาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง
อีกกลุ่ม นำโดยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และนายวีระ สมความคิด นำม็อบไปท้าทายศอฉ.ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล
การชุมนุมในวันดังกล่าวของกลุ่มพันธมิตร ลงเอยแบบไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย และไม่ถูกดำเนินคดี
พิสูจน์ให้เห็นว่าม็อบมีเส้นของจริง
โดยเฉพาะการชุมนุมที่ดินแดงนั้น ได้รับเกียรติจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถึงขนาดทิ้งการทิ้งงาน กลับจากหัวหินมาขึ้นเวทีด้วยตัวเอง
นายอภิสิทธิ์ทำอะไร พูดอะไรในวันนั้น คนทั้งประเทศเห็นกันเต็มตา
การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร นอกจากจะไม่ถูกขัดขวางแล้ว ยังได้รับการดูแลจากรัฐบาลเป็นอย่างดี
ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เหมือนสลับบทกันเล่นละคร
ล่าสุด ม็อบที่นำโดยนายไชยวัฒน์และนายวีระ ประมาณ 100 คน กลับมาปักหลักชุมนุมค้างคืนที่หน้าสภา ท้าทาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกครั้ง
อ้างว่าไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง แต่เป็นการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ
ผิดกับการชุมนุมของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ และนายนที สรวารี ที่ราชประสงค์
ต่างจากกรณีนักศึกษาและนักเรียนชั้นม.5 ที่ จ.เชียงราย
ต่างกันโดยสิ้นเชิงกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ สั่งระดมสรรพกำลังทหาร ยุทโธปกรณ์ รถสายพานหุ้มเกราะ เพื่อขอคืนพื้นที่
ผลก็คือมีคนถูกยิงล้มตายไปกว่า 20 ศพ บาดเจ็บอีกเกือบพัน
หนึ่งในจำนวนนี้ เป็นนักข่าวชาวต่างประเทศรวมอยู่ด้วย
คดีนี้พยานให้การยืนยันว่าเป็นการยิงมาจากแนวทหาร
ต่างจากผู้ชุมนุมที่ราชประสงค์ ในวันที่ 19 พ.ค.ที่ถูกตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดสัญญาณโทรศัพท์
รวมถึงถูกตัดเสบียงอาหารอย่างไร้มนุษยธรรม
ก่อนจะส่งกำลังเข้าล้อมกระชับพื้นที่อย่างเหี้ยมโหด
มีผู้ถูกยิงตาย ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
อีกนับร้อยถูกจับกุมด้วยจับมัดมือไพล่หลังเอาผ้าปิดตานำไปกักขัง
พระสงฆ์องค์เจ้าก็ไม่เว้น
แต่ที่สะเทือนใจอย่างยิ่งก็กรณียิงอย่างเลือดเย็น 6 ศพในวัดปทุมวนาราม เขตอภัยทาน
ที่พยานและคลิปวิดีโอยืนยันว่าเป็นการยิงมาจากรางรถไฟฟ้าบีทีเอส
คดีเกี่ยวกับม็อบเสื้อแดงนั้น อัยการรับลูกจากกรมสอบสวนคดีพิเศษสั่งฟ้องแล้ว
นั่นคือแกนนำเสื้อแดง 19 คน เป็นผู้ก่อการร้าย
ส่วนคนตาย 91 ศพนั้น เป็นการฆ่ากันเอง
แต่คดีที่เกี่ยวพันธมิตร ยังเดินไปแบบช้าๆ
ซึ่งไม่ใช่แค่สองมาตรฐานเท่านั้น
แต่เป็นเจตนาเลือกปฏิบัติชัดเจน
กลุ่มพันธมิตรเสื้อเหลืองแปลงร่าง อ้างรักชาติ และอยากได้ปราสาทพระวิหาร
นำโดยพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ไปชุมนุมท้าทาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง
อีกกลุ่ม นำโดยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และนายวีระ สมความคิด นำม็อบไปท้าทายศอฉ.ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล
การชุมนุมในวันดังกล่าวของกลุ่มพันธมิตร ลงเอยแบบไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย และไม่ถูกดำเนินคดี
พิสูจน์ให้เห็นว่าม็อบมีเส้นของจริง
โดยเฉพาะการชุมนุมที่ดินแดงนั้น ได้รับเกียรติจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถึงขนาดทิ้งการทิ้งงาน กลับจากหัวหินมาขึ้นเวทีด้วยตัวเอง
นายอภิสิทธิ์ทำอะไร พูดอะไรในวันนั้น คนทั้งประเทศเห็นกันเต็มตา
การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร นอกจากจะไม่ถูกขัดขวางแล้ว ยังได้รับการดูแลจากรัฐบาลเป็นอย่างดี
ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เหมือนสลับบทกันเล่นละคร
ล่าสุด ม็อบที่นำโดยนายไชยวัฒน์และนายวีระ ประมาณ 100 คน กลับมาปักหลักชุมนุมค้างคืนที่หน้าสภา ท้าทาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกครั้ง
อ้างว่าไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง แต่เป็นการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ
ผิดกับการชุมนุมของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ และนายนที สรวารี ที่ราชประสงค์
ต่างจากกรณีนักศึกษาและนักเรียนชั้นม.5 ที่ จ.เชียงราย
ต่างกันโดยสิ้นเชิงกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ สั่งระดมสรรพกำลังทหาร ยุทโธปกรณ์ รถสายพานหุ้มเกราะ เพื่อขอคืนพื้นที่
ผลก็คือมีคนถูกยิงล้มตายไปกว่า 20 ศพ บาดเจ็บอีกเกือบพัน
หนึ่งในจำนวนนี้ เป็นนักข่าวชาวต่างประเทศรวมอยู่ด้วย
คดีนี้พยานให้การยืนยันว่าเป็นการยิงมาจากแนวทหาร
ต่างจากผู้ชุมนุมที่ราชประสงค์ ในวันที่ 19 พ.ค.ที่ถูกตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดสัญญาณโทรศัพท์
รวมถึงถูกตัดเสบียงอาหารอย่างไร้มนุษยธรรม
ก่อนจะส่งกำลังเข้าล้อมกระชับพื้นที่อย่างเหี้ยมโหด
มีผู้ถูกยิงตาย ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
อีกนับร้อยถูกจับกุมด้วยจับมัดมือไพล่หลังเอาผ้าปิดตานำไปกักขัง
พระสงฆ์องค์เจ้าก็ไม่เว้น
แต่ที่สะเทือนใจอย่างยิ่งก็กรณียิงอย่างเลือดเย็น 6 ศพในวัดปทุมวนาราม เขตอภัยทาน
ที่พยานและคลิปวิดีโอยืนยันว่าเป็นการยิงมาจากรางรถไฟฟ้าบีทีเอส
คดีเกี่ยวกับม็อบเสื้อแดงนั้น อัยการรับลูกจากกรมสอบสวนคดีพิเศษสั่งฟ้องแล้ว
นั่นคือแกนนำเสื้อแดง 19 คน เป็นผู้ก่อการร้าย
ส่วนคนตาย 91 ศพนั้น เป็นการฆ่ากันเอง
แต่คดีที่เกี่ยวพันธมิตร ยังเดินไปแบบช้าๆ
ซึ่งไม่ใช่แค่สองมาตรฐานเท่านั้น
แต่เป็นเจตนาเลือกปฏิบัติชัดเจน