คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
สามขุม ผูกประเจียด
ตัวเลขของคนเสื้อแดงที่ไปรอรับ 7 แกนนำ กับ 1 แนวร่วม ออกจากเรือนจำเมื่อค่ำวันอังคาร
แค่ไปรอรับแกนนำจำนวนยังมากกว่าม็อบ พันธมิตร ที่ลงทุนตั้ง 2 เวทีอยู่แถวทำเนียบรัฐบาลหลายเท่า
วันเดียวกันนั้นชาวบ้านปากมูนจากอุบลฯ ที่ต่อสู้มากว่า 20 ปี รวมตัวกันลานพระบรมรูปทรงม้ากว่าพันคน เพื่อทวงสัญญาจากรัฐบาล
ม็อบปากมูนเดินทางมาไกลนับพันกิโลยังมากกว่าม็อบพันธมิตร
ยิ่งนานวัน ยิ่งเคลื่อนไหว พันธมิตรก็ยิ่งมีสภาพไม่ต่าง
ม็อบไม้ประดับ!
แม้เที่ยวนี้จะออกมาฟอร์มใหญ่ ชูประเด็นทวงดินแดนจากเขมร ปลุกกระแสชาตินิยม
กระทั่งไทยกับเขมรได้รบกันสมใจ
นับจากนั้นสภาพของม็อบพันธมิตร ก็ค่อยๆ เหี่ยว แห้งหร็อมแหร็ม
เพราะความคิด แนวทาง เป้าหมาย ไม่เป็นเหตุเป็นผล ไม่ใช่ทางแก้ทางออก
หนักไปทางคลั่ง บ้า นอกระบบ
มวลชน ผู้สนับสนุน พากันถอยห่าง สังคมส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย
วันนี้กรณีพิพาทไทย-เขมรเข้าสู่แนวทางสงบ สันติ โดยมีอาเซียนเป็นตัวกลาง
ทว่าแกนนำพันธมิตรยังยื้อ ตื๊อต่อ ทั้งๆ ที่เหลือผู้ชุมนุมแค่หลักสิบหลักร้อย
จะว่าจุดยืนหนักแน่น หลักการมั่นคง ก็ไม่น่าจะใช่
เพราะวันนี้สถานการณ์ รวมถึงปัญหาต่างๆ ได้รับการคลี่คลายแก้ไขไปในทางบวก
โดยไม่จำเป็นต้องทำตามข้อเรียกร้องของพันธมิตรแม้ แต่ข้อเดียว
ดังนั้น จึงมีคำถามตามมา แล้วยังจะชุมนุม ปิดถนน รบกวนประชาชนส่วนรวมต่อไปอีกทำไม
วันนี้คำตอบค่อยๆ กระจ่างขึ้น พร้อมๆ กับคดีก่อการร้ายยึดทำเนียบ สนามบิน เข้าสู่ช่วงไคลแมกซ์
สั่งฟ้อง หรือสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา
หรือสั่งฟ้องแต่ตัดข้อหาก่อการร้ายออก
หรือปล่อยหมดอายุความไปเลย
โดยผู้มีอำนาจเหนือองค์กรตำรวจเข้ามาล้วงลูกเต็มตัว
ประชาชนเจ้าของประเทศต้องจับตา และติดตามอย่างเอาใจใส่
อย่าปล่อยผู้ก่อการร้ายลอยนวล!?