บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

โกรธแบบ 2 มาตรฐาน

ที่มา มติชน



โดย สรกล อดุลยานนท์

(ที่มา คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12 หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2554)

ถ้าไม่เจอแรงกดดันจากพื้นที่จริงๆ 4 ส.ส.ประชาธิปัตย์ จากจังหวัดยะลาและปัตตานี คงไม่ออกมาแถลงข่าวเรื่องเหตุระเบิดรายวันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ อัดหน่วยงานด้านความมั่นคงอย่างรุนแรง

และตามน้ำด้วยการเสนอให้ปรับเปลี่ยน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก

การเล่นบทแรงครั้งนี้ทั้งที่เป็น ส.ส.พรรคแกนนำรัฐบาล ในแวดวงการเมืองอ่านกันออกว่า 4 ส.ส. ต้องเจอเสียงโวยจากประชาชนในพื้นที่อย่างหนัก

ถ้าไม่ออกมาเล่นบทตัวแทนชาวบ้านบอกเล่าถึงความเดือดร้อน และเรียกร้องหาคนรับผิดชอบ เลือกตั้งครั้งหน้าสอบตกแน่

ชาวบ้านคงใช้ตรรกะง่ายๆ คือเลือกพวกคุณเข้าไปแล้ว ไม่เห็นช่วยอะไรได้เลยทั้งที่หัวหน้าพรรคเป็น "นายกรัฐมนตรี"

แบบนี้เลือกคนอื่นพรรคอื่นดีกว่า

ยิ่งใกล้ยุบสภา ยิ่งเข้าใจได้ว่าทำไม ส.ส.ทั้ง 4 คน จึงออกตัวแรงขนาดนี้

หลายประโยคที่ 4 ส.ส.แถลงออกมา ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องเก่าที่คนอื่นเคยพูดมาแล้ว โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณ จำนวนเจ้าหน้าที่ อาวุธยุทโธปกรณ์ ใส่เข้าไปไม่รู้เท่าไร

แต่ผลลัพธ์สุดท้ายกลับไม่ได้ดีขึ้นเลย

"ให้ไปหมดแล้ว เหลือเพียงอย่างเดียว คือการปรับเปลี่ยน"

พูดตามหลักการบริหารแล้ว ส.ส.กลุ่มนี้พูดถูกต้อง ที่สำคัญที่สุด คือ ปรากฏการณ์ครั้งนี้เป็น "คำตอบ" ที่ดีที่สุดว่าเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ดีขึ้นหรือเปล่า

ที่ผ่านมาคนไทยที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้สงสัยมานานแล้วว่าสถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นตามที่รัฐบาลและกองทัพบอกกับเราหรือเปล่า

ครับ ถ้า 4 ส.ส.เป็น ส.ส.ฝ่ายค้าน รัฐบาลและกองทัพก็สามารถจะบอกได้ว่าเป็นเรื่องการเมือง

แต่ ส.ส.ทั้ง 4 คน เป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำรัฐบาล

เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาโจมตีกองทัพเลย เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่า "รัฐบาล" ชุดนี้จัดตั้งในค่ายทหาร

การออกมาโวยจึงมีเพียงคำตอบเดียวคือ สถานการณ์ในพื้นที่เลวร้ายกว่าเดิมจริงๆ

และเสียงโวยของชาวบ้านต้องแรงมาก ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ออกโรงแบบนี้

เกมนี้ไม่มีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง

ถ้าจะเกี่ยวข้องก็เพียง ส.ส.กลุ่มนี้พยายามจำกัดวงความรับผิดชอบให้หยุดอยู่แค่ "กองทัพ"

ไม่เลยไปถึง "รัฐบาล" ที่รับผิดชอบเรื่อง "นโยบาย"

เพราะถ้ากล่าวโทษถึงรัฐบาลเมื่อไร คนที่รับผิดชอบก็คือ พรรคประชาธิปัตย์

พรรคที่ ส.ส.ทั้ง 4 คนสังกัดอยู่

อย่าแปลกใจที่ พล.อ.ประยุทธ์จะออกมาโวยว่า "การเมืองคือฝ่ายบริหาร กำหนดนโยบาย ทหารก็นำไปสู่การปฏิบัติ"

แทงคืนเหมือนกัน

ดูเหมือนว่า การออกโรงของ 4 ส.ส.ครั้งนี้ จะทำให้ทหารยังเติร์กไม่พอใจ

เขาให้เหตุผลว่าตำแหน่ง ผบ.ทบ.ถือเป็นสัญลักษณ์ของกองทัพบก

"ใครจะมาดูหมิ่นดูแคลนผู้บังคับบัญชาไม่ได้"

ฟังดูก็เป็นชายชาติทหารดี

เพียงแต่สงสัยเพียงว่าตอนที่ "สนธิ ลิ้มทองกุล" ไล่ พล.อ.ประยุทธ์ให้ไปเล่น "ลิเก" บนเวทีพันธมิตร ทำไมทหารยังเติร์กไม่ได้ยิน

จำประโยคนี้ได้ไหมครับ

"นึกไม่ถึงว่าคนอย่าง ผบ.ทบ.จะหลุดคำพูดออกมาว่า อยากรบก็ไปรบเองสิ พูดอย่างนี้มาเป็นทหารทำไม ถ้าเป็นทหารแล้วไม่กล้าปกป้องดินแดนไทยก็ไปเล่นลิเกดีกว่า"

หรือ "อย่ามาพูดว่าทหารก็มีเลือดเนื้อมีพ่อมีแม่ ถ้าอย่างนั้น ทำไมไม่ลาออกจากผู้บัญชาการทหารบก เป็นไปทำไม"

พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้โดนไล่ครั้งแรกครับ

ก่อน 4 ส.ส.ใต้จะไล่ เขาเคยถูก "สนธิ" ไล่มาแล้วครั้งหนึ่ง

แต่ตอนนั้น "ทหารยังเติร์ก" ไม่ได้ยิน หรือได้ยินแล้วไม่โกรธ

หรือไม่กล้าโกรธ

ไม่น่าเชื่อว่าเมืองไทยวันนี้ แม้แต่ "ความโกรธ"

ยังแบ่งเป็น "สองมาตรฐาน" เลย

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker