เผยฝ่ายต่อต้านกัดดาฟี ได้ยีดพื้นที่ภาคตะวันออกของลิเบียได้แล้ว โดยศูนย์กลางการต่อต้านอยู่ที่ “เบงกาซี” เมืองอันดับสอง โดยผู้สื่อข่าวอัลจาซีร่ายืนยันว่าตั้งแต่ข้ามชายแดนอียิปต์จนถึงเมืองเบงกาซี ไม่เห็นเจ้าหน้าที่ลิเบียแม้แต่คนเดียว และล่าสุดผู้ช่วยอาวุโสของลูกชายกัดดาฟีได้ลาออกประท้วงรัฐบาลแล้ว
ที่มาของคลิป: อัลจาซีร่า
ผู้ประท้วงที่เมืองมิซูราทา (Misurata) ออกแถลงการณ์ทางอินเทอร์เน็ตเมื่อวานนี้ (23 ก.พ.) ว่าสามารถยึดเมืองทางด้านตะวันตกของประเทศได้แล้ว และระบุว่าทหารของลิเบียที่ประจำการในเมืองต่างสนับสนุนผู้ประท้วง
ทั้งนี้ฝ่ายต่อต้านกัดดาฟี สามารถยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตะวันออกของประเทศได้แล้ว โดยผู้สื่อข่าวอัลจาซีร่า ซึ่งรายงานจากเมืองทอบรัก (Tobruk) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากชายแดนอียิปต์ราว 140 กิโลเมตร รายงานว่าไม่ปรากฏกองกำลังรักษาความมั่นคงของรัฐบาลลิเบียในเมืองแล้ว
“ที่ผมเห็นคือ ประชาชนในพื้นที่ด้านตะวันออกของลิเบียเป็นผู้ควบคุมพื้นที่แล้ว” โฮดา อับดุล ฮามิด ผู้สื่อข่าวอัลจาซีร่ากล่าว เธอยังกล่าวด้วยว่าไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐบาลตรวจตราบริเวณชายแดนระหว่างที่ทีมงานอัลจาซีร่าข้ามแดนเข้าไปในลิเบียแล้ว
“ตรงชายแดน เราไม่เห็นตำรวจ ไม่เห็นทหารแม้แต่คนเดียว ประชาชนที่นี่บอกว่า กองกำลังรักษาความมั่นคงได้หนีไปแล้ว หรือหลบซ่อนอยู่ ขณะนี้ประชาชนเข้ามาดูแลพื้นที่แทนแล้ว ซึ่งสภาพเช่นนี้เกิดขึ้นตลอดทางจากชายแดนไปถึงเมืองทอบรัก จนถึงเมืองเบงกาซี (Benghazi)
“ประชาชนบอกเราว่า ที่เมืองเบย์ดา (Bayda) และเบงกาซี ก็อยู่ในความเงียบสงบ อย่างไรก็ตามยังมี “ทหารบ้าน” ยังวนเวียนอยู่รอบๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงค่ำ พวกเขาบอกว่าเป็นคนแอฟริกัน โดยประชาชนกล่าวว่าพวกนี้ใช้ภาษาฝรั่งเศส และพวกเขาคิดว่าทหารบ้านพวกนี้มามาจากประเทศชาด”
พลตรีสุไลมาน มะห์มูด ผู้บัญชาการประจำเมืองทอบรัก กล่าวกับอัลจาซีร่าว่าทหารภายใต้การบังคับบัญชาของเขาได้เปลี่ยนข้างแล้ว
“เราอยู่ข้างประชาชน ผมเคยอยู่ข้างกัดดาฟีในอดีต แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนแล้ว เขาคือทรราช”
เบงกาซี ถือเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของลิเบีย และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นเมืองแรกที่ประชาชนลุกขึ้นต่อต้านกัดดาฟี ซึ่งครองอำนาจมายาวนานกว่า 42 ปี โดยการก่อกบฏได้แพร่เข้าไปในเมืองอื่นๆ ขณะที่กองกำลังรักษาความมั่นคงของรัฐบาลลิเบียได้ใช้อาวุธหนักเข้าปราบปราม
ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลพยายามควบคุมสื่อ แต่ข่าวที่หลุดรอดออกมาเปิดเผยว่ามีประชาชนอย่างน้อย 300 รายเสียชีวิตจากเหตุรุนแรงครั้งนี้แล้ว ขณะที่ฟรังโก ฟรัตตินี (Franco Frattini) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิตาลี กล่าวว่า “มีความเชื่อถือว่า” มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1,000 คน
นอกจากนี้ ภายหลังการกล่าวปราศรัยทางโทรทัศน์ของกัดดาฟี เมื่อคืนวันที่ 22 ก.พ. ได้มีผู้สนับสนุนรัฐบาลหลายร้อยคนออกมาเดินขบวนสนับสนุนกัดดาฟี เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่จัตุรัสเขียว ในกรุงตริโปลี เมืองหลวงของลิเบีย
นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้ยินเสียงปืนในเมืองหลวง เมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังกัดดาฟีเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนออกมายึดท้องถนนจากฝ่ายผู้ต่อต้านรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม คำปราศรัยของกัดดาฟีไม่มีผลอะไรต่อฝ่ายที่แปรพักตร์จากเขาไปแล้ว โดยนักการทูตลิเบียในหลายประเทศทั่วโลกได้ลาออกเพื่อประท้วงการใช้ความรุนแรงต่อพลเรือน และปฏิเสธการเป็นผู้นำของกัดดาฟี พร้อมทั้งบอกว่าพวกเขาจะอยู่ข้างผู้ประท้วง
ล่าสุดเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา (22 ก.พ.) นายพลอับดุล ฟาตา ยูนิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนล่าสุดที่ลาออก และกล่าวว่าเขาลาออกเพื่อสนับสนุน “ขบวนการปฏิวัติ 17 กุมภาพันธ์”
เขายังเตือนให้กองทัพลิเบียเข้าร่วมกับประชาชน และร่วมกับ “ขอเรียกร้องที่ชอบธรรม” ของประชาชน
และรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ยูซุป ซาวานนี ผู้ช่วยอาวุโสของ ซาอีฟ อัล อิสลาม กัดดาฟี (Saif al-Islam Gaddafi) หนึ่งในบุตรชายของกัดดาฟี ได้ลาออกจากตำแหน่ง “เพื่อแสดงความท้อใจต่อความรุนแรง”
ก่อนหน้านี้ มุสตาฟา อับเดลจาลิล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ลาออกเพื่อคัดค้านต่อ “การใช้ความรุนแรงที่เกินรับได้” หลังการสลายการชุมนุมผู้ประท้วง และทูตสหประชาชาติที่ลิเบียได้เรียกร้องกองทัพลิเบียให้ถอนตัวจาก “ทรราชมูฮัมมมาร์ กัดดาฟี”
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ทหารกลุ่มหนึ่งยังออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทหาร “เข้าร่วมกับประชาชน” และรื้อถอนกัดดาฟีออกจากอำนาจด้วย
ที่มา: แปลและเรียบเรียงจาก
Gaddafi loses more Libyan cities, Aljazeera, Last Modified: 23 Feb 2011 17:36 GMT http://english.aljazeera.net/news/africa/2011/02/2011223125256699145.html