คอลัมน์ เหล็กใน
มันฯ มือเสือ
คือช่วงเวลาหลังเหตุการณ์ปราบม็อบเสื้อแดงเดือนพฤษภาคม 2553 อันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ บาดเจ็บพิการอีกเกือบ 2,000 คน
ส่วนช่วงเวลาดีที่สุดของรัฐบาลอภิสิทธิ์
คือภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ให้พรรคประชาธิปัตย์รอดสันดอนคดี "ยุบพรรค" ถึง 2 คดีซ้อนเมื่อช่วงปลายปี 2553
หลายคนบอกว่าช่วงนั้นเป็นโอกาสเหมาะมากที่สุดในการยุบสภา ถ้าหากพรรคประชาธิปัตย์ต้องการกลับมามีอำนาจอีกครั้งหลังการเลือกตั้งใหม่
แต่ตอนนั้นนายกฯ อภิสิทธิ์และพรรคประชา ธิปัตย์กำลังฮึกเหิมสุดขีด
บวกกับแรงยุยงส่งเสริมของพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่อยากให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ เนื่องจากยังไม่พร้อมทั้งด้านกำลังคน กลไก และเงินทุนเสบียงกรัง
นายกฯ อภิสิทธิ์เลยตัดสินใจลากยาวอำนาจออกไป ถึงแม้จะยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่อยู่จนถึงครบวาระปลายปี 2554 นี้ก็ตาม โดยไม่ทันได้เอะใจว่า
เวลาที่ยืดยาวออกไปจะกลับกลายเป็นผลร้ายในปัจจุบัน
ก้าวขึ้นปี 2554 ได้ไม่กี่วันรัฐบาลอภิสิทธิ์ ก็ต้องเผชิญกับปัญหาไฟใต้ที่ปะทุรุนแรงรอบใหม่
ตามมาด้วยปัญหาขัดแย้งไทย-กัมพูชา ที่บานปลายถึงขั้นสู้รบกันด้วยกำลังทหารและอาวุธหนัก โดยมีประชาชนตามแนวชายแดนเป็นผู้รับเคราะห์
และล่าสุดปัญหาสินค้าประเภทอาหารพาเหรดกันขึ้นราคาโดยเฉพาะน้ำมันปาล์ม สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพงเต็มรูปแบบ
ท่ามกลางกระแสข่าวทุจริตคอร์รัปชั่นในรัฐบาลที่หนักข้อขึ้นทุกวัน
ใครเคยดูหนังสามก๊ก ฉบับจอห์น วู ตอนโจโฉแตกทัพเรือ
ในช่วงท้ายเรื่อง โจโฉผู้เกรียงไกรพ่ายแพ้ให้กับกองทัพของจิวยี่ และสติปัญญาของขงเบ้ง ที่คำนวณทิศทางลม ชักพาไฟเผาผลาญทัพเรือโจโฉจนพินาศยับ
ระหว่างโดนดาบจ่อคอหอย โจโฉเอ่ยปาก ไม่น่าเชื่อว่าตนเองต้องมาพ่ายแพ้เพราะ "ลมเพียงวูบเดียว"
หลังติดคุกมานานกว่า 9 เดือน ผ่านการยื่นขอประกันตัวหลายครั้ง ในที่สุดวันอังคารที่ผ่านมา ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว 7 แกนนำเสื้อแดง
คล้ายเป็นสัญญาณว่าลมการเมืองกำลังจะเปลี่ยนทิศทาง ส่วนรัฐนาวาอภิสิทธิ์จะแตกทัพเหมือนโจโฉหรือไม่
คำตอบน่าจะอยู่อีกไม่ไกลจากนี้