โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
สะท้อนบุคลิก ร.ต.อ.ปุระชัยที่ต้อง "กุมสภาพ" ทุกเรื่องเอาไว้ในมือ
ทำให้ก้าวแรกมี "สะดุด" เล็กๆ ให้เห็น
และหลายฝ่ายเชื่อว่าการสะดุดนี้ที่สะท้อน ความไม่พร้อม ระดับหนึ่ง
ซึ่งไปตอกย้ำความเชื่อว่า รักษ์สันติของ ร.ต.อ.ปุระชัย คงไม่มีศักยภาพเพียงพอ ที่จะขึ้นมาเป็น "การเมืองขั้วที่ 3" ได้
กระนั้น ชื่อของ ร.ต.อ.ปุระชัย ก็ไม่สามารถมองข้าม
เนื่องจากน่าจะสร้างแรงกระเพื่อมไปกระทบขั้วการเมืองที่ 1 และที่ 2 ได้
ซึ่งก็น่าสนใจว่า ระหว่างขั้วที่ 1 คือ พรรคประชาธิปัตย์ กับขั้วที่ 2 พรรคเพื่อไทย ใครจะรับแรงกระเพื่อมมากกว่ากัน
เบื้องต้นดูเหมือนขั้วที่ 2 จะได้รับผลมากกว่า เพราะมีประเมินว่า แม้ ร.ต.อ.ปุระชัยจะเป็นนักการเมือง แต่ก็มีภาพ "ข้าราชการ" และดำรงความเข้มข้น "ฝ่ายอนุรักษ์" เอาไว้มาก
"กองทัพ" น่าจะสบายใจ เมื่อพูดถึง ร.ต.อ.ปุระชัย
ตามเหตุผลนี้ ร.ต.อ.ปุระชัย จึงเป็นพลังเสริมให้กับฝ่ายรัฐบาลขณะนี้มากกว่าพรรคเพื่อไทย
อย่างไรก็ตาม หากถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พึงพอใจ กับ "พลังเสริม" นี้หรือไม่
ประเด็นนี้น่าถกแถลง
ต้องยอมรับว่าการปรากฏตัวขึ้นมาของ ร.ต.อ.ปุระชัยนั้น จุดเด่นคือ "ความเป็นคนดี เป็นนักบริหาร เป็นนักปฏิบัติ" (จริงหรือไม่จริงอย่างไร ยังไม่ขอวิจารณ์ในที่นี้)
คุณสมบัติดังกล่าว สังคมเคยคาดหวังจากนายอภิสิทธิ์
แต่ 2 ปีที่ผ่านมา คำวิจารณ์ "ดีแต่พูด" กลบความคาดหวังนั้นเสียสิ้น
นี่เองจึงเป็น "โอกาส" และ "จังหวะ" ที่ทำให้ ร.ต.อ.ปุระชัยมองเห็น และเสนอตัวออกมา
เท่ากับว่า ร.ต.อ.ปุระชัยได้กลายเป็นตัวเปรียบเทียบของนายอภิสิทธิ์ในทันที
นายอภิสิทธิ์คงไม่ชื่นชอบเท่าใดนัก
ยิ่งมีกระแส "ขานรับ" ร.ต.อ.ปุระชัยมากเพียงใด ก็เท่ากับปฏิเสธนายอภิสิทธิ์มากขึ้นเท่านั้น
ต้องไม่ลืมว่า นายอภิสิทธิ์ยังคงเป็นจุดขายของพรรคประชาธิปัตย์ สำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นด้วย
จึงไม่ค่อยดีนักหากถูกดิสเครดิตเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบางฝ่ายมองไป "หลังเลือกตั้ง" ด้วยอีกว่า การจะมัดพรรคร่วมในปัจจุบันเอาไว้เพื่อจัดรัฐบาลแข่งกับพรรคเพื่อไทย การจะดำรงสูตรการเมืองเช่นเดิม คือ ยังให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป อาจจะไม่ได้การขานรับจากสังคมเท่าที่ควร
ยิ่งหากพรรคเพื่อไทยได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นที่ 1 การที่พรรคร่วมเดิมจะมีความ "ชอบธรรม" ในการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลแข่ง จำเป็นต้องเสนอ "ตัวละครใหม่" ให้สังคมพิจารณา
จะมัวไปเข็นนายอภิสิทธิ์ต่อไปคงไม่ไหว
หากเทียบชื่อแคนดิเดตในฟากพรรคร่วมรัฐบาลที่มีการพูดถึง ไม่ว่า พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ชื่อของ ร.ต.อ.ปุระชัยน่าจะโดดเด่นกว่า
และตรงนี้ก็ไปสอดคล้องกับเสียงกระซิบกระซาบว่า ร.ต.อ.ปุระชัย คือ หนึ่งในกลไก สำคัญของ "เนวินคอนเนคชั่น"
หากเป็นเช่นนั้น "จริง" โอกาสที่ "ส้ม" จะหล่นใส่ ร.ต.อ.ปุระชัย ก็ได้
แล้วใครจะผิดหวัง ต้องเป็นนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์นั่นเอง
ด้วยเหตุนี้การปรากฏขึ้นมาของ ร.ต.อ.ปุระชัย ถึงจะถูกมองว่าเป็นพลังเสริมให้กับขั้วรัฐบาลขณะนี้
แต่ก็เป็นพลังเสริมที่ไม่ได้ทำให้นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ยินดีสักเท่าไหร่ !?!?