เหล็กใน
เพราะก่อนหน้านี้จะเห็นได้ว่านายธาริตเอาเป็นเอาตายกับการยื่นถอนประกันแกนนำคนเสื้อแดงมาตลอด
ราวกับเป็นผลงานเด่น เป็นความดีความชอบใหญ่หลวง
นายธาริตระบุว่าในการชุมนุมใหญ่เสื้อแดงรำลึกครบ 1 ปีเหตุการณ์สลายม็อบที่คอกวัว
อ้างว่าตรวจสอบคำพูดของบุคคลที่ร่วมปราศรัยแล้ว เบื้องต้นมีผู้เข้าข่ายน่าจะถูกดำเนินคดีหมิ่นสถาบัน และยุยงปลุกปั่นให้มีการล่วงละเมิดกฎหมายจำนวน 18 คน
โดยบุคคลที่อยู่ในข่ายต้องถอนประกัน(อีกแล้ว) 9 คน ล้วนคู่แค้นคู่อาฆาตทั้งนั้น
อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, น.พ.เหวง โตจิราการ, นายยศวริศ ชูกล่อม, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์, นายนิสิต สินธุไพร, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และนายขวัญชัย ไพรพนา
หากมีข้อมูลชัดเจนว่าแกนนำแดงทำผิดจริง ก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย
แต่ก็มีข้อสงสัยถึงมาตรฐานของนายธาริต
เพราะคดีที่คนเสื้อแดงเป็นฝ่ายแจ้งความให้ดำเนินคดีหมิ่นสถาบัน
ไม่เห็นนายธาริตกระตือรือร้นเลย
ตอนนั้นนปช.และพรรคเพื่อไทยแจ้งจับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะไม่ดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่จาบจ้วงสถาบัน
ไม่เห็นนายธาริตจะรับเป็นคดีพิเศษ ไม่เห็นใส่ใจอะไรเลย
ต่างกันราวฟ้ากับดิน !?
นอกจากนี้คดีที่สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของประเทศชาติ
นายธาริตกลับวางเฉย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน
ยกตัวอย่างง่ายๆ คดีนายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพรอยเตอร์ชาวญี่ปุ่น และนายฟาบิโอ โปเลงกี ช่างภาพอิสระชาวอิตาลี ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์สลายม็อบแดง 10 เมษา และ 19 พฤษภา
ความอืดอาดล่าช้า คดีพลิกไปพลิกมา กลายเป็นข่าวกระหึ่มไปทั่วโลก
ทำให้ชาติเสื่อมเสียชื่อเสียงในสายตาชาวโลก
นายธาริตโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงว่าเตะถ่วงคดี
ทั้งที่มีพยานและหลักฐานชัดเจนอยู่แล้ว
กลับทำให้เป็นเรื่องยากๆ ทำให้ยุ่งเหยิงไปหมด
นี่แหละคือมาตรฐาน'ธาริต'